โจเซป กวาร์ดิโอล่า แสดงความยินดีที่ แมนฯ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ คาราบาว คัพ ได้ พร้อมบอกว่า "ปีศาจแดง" กลับมาอยู่ในจุดที่ควรจะเป็นแล้ว แต่ก็แอบจิกกัดว่าถ้าอีกฝ่ายใช้เงินเยอะกว่านี้ก็น่าจะมีลุ้นแชมป์ลีกมากขึ้น

โจเซป กวาร์ดิโอล่า ผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แสดงความยินดีกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ได้แชมป์ คาราบาว คัพ ไปครอง แต่ก็แอบจิกกัดอีกฝ่ายด้วยว่าถ้าใช้เงินมากกว่านี้ก็น่าจะมีลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ แบบเต็มตัวได้มากขึ้น

แมนฯ ซิตี้ มักจะถูกพาดพิงว่าเป็นทีมที่ใช้เงินเยอะเกินความจำเป็นจนถูกล้อเลียนอยู่บ่อยๆ ว่าใช้เงินซื้อความสำเร็จเป็นหลัก แต่หากนับเฉพาะช่วง 5 ปีหลังสุดนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด ใช้เงินกับการเสริมทัพเยอะกว่าพวกเขาอีก จากการที่ "ปีศาจแดง" ใช้ไป 685 ล้านปอนด์ (ประมาณ 28,770 ล้านบาท) ส่วน "เรือใบสีฟ้า" ใช้เงินไปราว 660 ล้านปอนด์ (ประมาณ 27,720 ล้านบาท)

กวาร์ดิโอล่า กล่าวว่า "ขอแสดงความยินดีกับ ยูไนเต็ด ด้วย สำหรับแชมป์ คาราบาว คัพ และต้องขอแสดงความยินดีกับ นิวคาสเซิ่ล เช่นกัน มันเป็นเกมที่สนุกมาก ไม่ช้าก็เร็วมันก็ต้องเกิดเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว (การที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้แชมป์) จริงไหมล่ะ ? มันควรจะเกิดขึ้นอยู่แล้ว"

พอโดนถามเพิ่มว่า แมนฯ ยูไนเต็ด จะก้าวขึ้นมาเป็นทีมที่มีลุ้นแชมป์ลีกอย่างเต็มตัวได้หรือไม่แล้วนั้น กวาร์ดิโอล่า ก็ตอบแบบจิกกัดขำๆ ว่า "ถ้าพวกเขาใช้เงินเยอะกว่านี้สักนิดก็ต้องบอกว่า ได้สิ! เพราะก่อนหน้านี้พวกเขาไม่ได้ใช้เงินเลย จริงไหม ?"

"ยังไงก็ตาม สถานการณ์ในตอนนี้มันก็ถือเป็นเรื่องปกติ พวกเขาอยู่ในจุดที่ควรจะเป็นแล้ว ความจริงก็คือ ลิเวอร์พูล กับเราน่ะทำผลงานได้น่าเหลือเชื่อในช่วงที่ผ่านมา แต่ตั้งแต่ที่ผมมาทำงานที่นี่ผมก็คิดอยู่เสมอว่า ยูไนเต็ด จะอยู่ในกลุ่มลุ้นแชมป์อยู่เสมอเมื่อพิจารณาถึงประวัติศาสตร์และทุกอย่าง แถมตอนนี้ เอริค ก็ทำงานที่น่าทึ่งได้ด้วย"

"มันเป็นสถานการณ์ปกติ ยูไนเต็ด ควรจะได้อยู่ในจุดนี้ พวกเขาเป็นคู่แข่งของเรามาโดยตลอด ในซีซั่นก่อนๆ เราทำได้ดีกว่าพวกเขา แต่ตอนนี้มันสูสีกันมากขึ้นแล้ว ผมมองว่าใน พรีเมียร์ลีก น่ะอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น"

มิเกล อาร์เตต้า กุนซือ อาร์เซน่อล ระบุ "ไอ้ปืนใหญ่" คอนโทรลเกมได้เกือบทั้งหมด นัดบุกเชือด เลสเตอร์ ซิตี้ 1-0 พร้อมชูสองแข้งที่เล่นได้อย่างโดดเด่น

มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีม อาร์เซน่อล กล่าวชื่นชมลูกทีม ที่สามารถควบคุมเกมได้เกือบทั้งหมด และเปิดโอกาสให้คู่แข่งมีลุ้นทำประตูแค่หนเดียวเท่านั้น หลังจากที่ "ไอ้ปืนใหญ่" บุกไปเอาชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ 1-0 ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา

นาทีที่ 27 เลอันโดร ทรอสซาร์ สามารถส่งบอลเข้าไปตุงตาข่ายอย่างสุดสวย ทว่า VAR ไม่ให้เป็นประตู เพราะมีจังหวะทำฟาวล์ก่อน อย่างไรก็ตาม อาร์เซน่อล มาได้ประตูชัยในนาทีที่ 46 จากการยิงของ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ซึ่งชัยชนะนัดนี้ทำให้ "ไอ้ปืนใหญ่" ที่รั้งตำแหน่งจ่าฝูง มีคะแนนเพิ่มเป็น 57 แต้ม จากการลงแข่ง 24 นัด หนี แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมอันดับสอง (มีคิวลงเตะคู่หลัง เยือน บอร์นมัธ) เป็น 5 แต้มชั่วคราว

"เราควบคุมเกมได้เกือบทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ ผมคิดว่าการเล่นและความเข้าใจเกมของเรา ถือว่ายอดเยี่ยมเลย เราแค่ขาดคุณภาพในการเล่นจังหวะสุดท้ายที่จะทำประตูเพิ่มเท่านั้น"

"มันยากที่จะยอมรับได้ สำหรับจังหวะที่เราโดนยึดประตู แต่การที่เราสามารถจำกัด เลสเตอร์ ให้มีโอกาสลุ้นทำประตูแค่หนเดียว มันเป็นอะไรที่เจ๋งมากๆ" กุนซือชาวสแปนิชวัย 40 ปี เปิดใจหลังเกม

นอกจากนี้ อาร์เตต้า ยังกล่าวยกความดีความชอบให้กับ ทรอสซาร์ และ จอร์จินโญ่ ที่เล่นได้อย่างโดดเด่นในเกมนี้ "พวกเขาเป็นสองผู้เล่นที่มีประสบการณ์ในลีกแห่งนี้, ฉลาด และเข้าใจในสิ่งที่เราต้องการ พวกเขามีศักยภาพที่จะเล่นในเกมระดับนี้สบายๆ"

นิวคาสเซิ่ล จับ มิเกล อัลมิรอน มิดฟิลด์ฟอร์มฮอต ต่อสัญญาเรียบร้อย เจ้าตัวรับสุดปลื้มและขอฉลองสัญญาฉบับใหม่ด้วยการช่วยทีมเอาชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด คว้าถ้วย คาราบาว คัพ วันอาทิตย์นี้

นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด สโมสรในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประกาศยืนยันว่า มิเกล อัลมิรอน กองกลางทีมชาติปารากวัย จรดปากกาต่อสัญญาค้าแข้งที่ถิ่น เซนต์ เจมส์ พาร์ค ออกไปจนถึงเดือนมิถุนายน ปี 2026 อย่างเป็นทางการแล้ว เมื่อวันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์

มิดฟิลด์วัย 29 ปี เป็นกำลังสำคัญที่ช่วยให้ "สาลิกาดง" ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมใน พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ โดยโชว์ฟอร์มสุดยอดทำไปแล้ว 10 ประตูจาก 23 เกม นำเป็นดาวซัลโวของทีม หลังเจ้าตัวย้ายมาจาก แอตแลนต้า ยูไนเต็ด เมื่อเดือนมกราคม ปี 2019

อัลมิรอน ซึ่งลงเล่นให้ "สาลิกาดง" ไปแล้ว 150 เกมในทุกรายการเผยหลังต่อสัญญาว่า "ผมมีความสุขมากที่ได้เซ็นสัญญาฉบับใหม่กับ นิวคาสเซิ่ล ผมรู้สึกเหมือนอยู่บ้านกับ นิวคาสเซิ่ล ตั้งแต่แรก ผมรู้สึกได้ถึงการต้อนรับอย่างอบอุ่น และรู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว"

"ดังนั้นผมจึงมีความสุขมากที่ได้อยู่ที่นี่ และผมจะทุ่มเททุกอย่างในสนามต่อไปเพื่อขอบคุณชาว นิวคาสเซิ่ล ความจริงก็คือผมทำงานหนักมากตั้งแต่มาที่นี่เพื่อพัฒนาระดับของตัวเองและเพื่อไปยังจุดที่ผมอยู่ในขณะนี้ ผมขอขอบคุณสตาฟฟ์โค้ช และเพื่อนร่วมทีมของผมด้วยที่ช่วยผมมากในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา"

"ผมคิดว่านี่เป็นรางวัลสำหรับการทำงานหนักและผมก็มีความสุขมาก ในวันอาทิตย์นี้เรามีเกมที่สำคัญมากๆ และแม้ว่าสัญญาฉบับใหม่จะทำให้ผมมีความสุขจริงๆ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการที่เราจะได้ฉลองสัญญาฉบับนี้ด้วยชัยชนะในวันอาทิตย์" อัลมิรอน กล่าว

ในเวลานี้ นิวคาสเซิ่ล รั้งอันดับ 5 พรีเมียร์ลีก มี 41 คะแนน จาก 23 นัด ตาม ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ที่เล่นมากกว่า 1 นัดแค่แต้มเดียวเท่านั้น และมีโปรแกรมลงเล่นนัดต่อไปด้วยการเจอกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในศึก คาราบาว คัพ นัดชิงชนะเลิศ วันอาทิตย์ที่ 26 ก.พ.นี้

ราฟาแอล วาราน ยอดปราการหลัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ระบุ มีสองข้อหลักๆ ที่ทำให้ "ปีศาจแดง" ทำผลงานได้น่าประทับใจสุดๆ ในซีซั่นนี้ พร้อมชี้ บาร์เซโลน่า ยังแกร่งเหมือนเดิม แม้เกมวันพฤหัสบดีนี้ จะไม่มีสามแข้งแกนหลักก็ตาม

ราฟาแอล วาราน เซนเตอร์แบ็กคนสำคัญของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เผยว่า ความมั่นใจและความมีระเบียบวินัย ถือเป็นสองปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้ทีมตนยกระดับขึ้นมาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในฤดูกาลนี้

เวลานี้ "ปีศาจแดง" ภายใต้การนำทัพของกุนซือ เอริค เทน ฮาก กำลังอยู่บนเส้นทางลุ้นแชมป์ทั้งสี่รายการ ซึ่งประกอบไปด้วย พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ, คาราบาว คัพ และ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก โดยวันพฤหัสบดีที่ 23 กุมภาพันธ์นี้ แมนฯ ยูไนเต็ด มีคิวลงเตะเกมเพลย์ออฟ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก นัดสอง ซึ่งจะเปิดรัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด รับมือ บาร์เซโลน่า หลังจากที่ทำได้เยี่ยมในเกมแรก ด้วยการบุกไปเสมอ บาร์ซ่า 2-2 ถึงสังเวียนแข้ง คัมป์ นู เมื่อกลางสัปดาห์ก่อน

"ผมคิดว่าอย่างแรกเลยคือ ความมั่นใจ อย่างที่สองคือ การมีระเบียบวินัย ขณะที่เรื่องแท็กติกนั้น เรารู้ชัดเจนอยู่แล้วว่าเราต้องการเล่นอย่างไร จัดการเกมอย่างไร ด้วยประสบการณ์ที่มีมากขึ้น เรื่องสภาพจิตใจของเราก็พัฒนาขึ้นมาก นี่ก็อาจจะเป็นจุดที่สร้างความแตกต่างเช่นกัน" ยอดปราการหลังชาวฝรั่งเศสวัย 29 ปี กล่าว

เกมวันพฤหัสบดีนี้ บาร์เซโลน่า จะไม่มีผู้เล่นคนสำคัญอย่าง อุสมาน เดมเบเล่ (เจ็บ), เปดรี้ (เจ็บ) และ กาบี (ติดโทษแบน) แต่ วาราน มองว่า ทีมของกุนซือ ชาบี ยังคงเป็นทีมที่แข็งแกร่งมากๆ เหมือนเดิม

"แน่นอนว่า มันสำคัญมากๆ ที่พวกเขาขาดผู้เล่นเหล่านี้่ แต่ บาร์เซโลน่า มีทีมขนาดใหญ่ ซึ่งสามารถส่งใครลงเล่นก็ได้ เพราะฉะนั้นเราจำเป็นต้องเตรียมตัวให้พร้อม เราจำเป็นต้องเล่้นให้่ได้เหมือนเดิม หรือดีกว่าเดิม เพื่อที่จะผ่านเข้ารอบ" อดีตปราการหลัง เรอัล มาดริด ระบุ

ศึกรีแมตช์นัดชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ฤดูกาลที่แล้ว ลิเวอร์พูลเล่นในบ้านแล้วนำก่อนถึง 2 ประตู แต่กลายเป็นเรอัล มาดริด ที่รัวแซงชนะแบบขาดลอยเฉย
การแข่งขันฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ศึกรีแมตช์นัดชิงชนะเลิศฤดูกาลที่แล้ว "หงส์แดง"ลิเวอร์พูล รองแชมป์เก่าจากอังกฤษ เปิดสนามแอนฟิลด์ รับการมาเยือนของ "ราชันชุดขาว"เรอัล มาดริด แชมป์เก่าจากสเปน

เกมนี้เจ้าบ้านจัด ดาร์วิน นูนเญซ, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โคดี กักโป ลงสนาม ส่วนทีมเยือนนำโดย คาริม เบนเซมา, วินิซิอุส จูเนียร์, โรดรีโก

เริ่มเกมมาเพียง 4 นาที โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ครองบอลทางด้านขวา ก่อนแทงทะลุช่องไปหน้าประตูให้ ดาร์วิน นูนเญซ โฉบมายิงลูกไขว้หลังบอลผ่านนายทวารเข้าไป ลิเวอร์พูลนำเร็ว 1-0

นาที 14 ธิโบต์ กูร์กตัวส์ รับบอลที่เพื่อนส่งคืนหลังกลับมาแล้วจะหาช่องส่งต่อ แต่ดันทำพลาดสะดุดแล้วบอลกระฉอกออกจากเท้า โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่ตามเข้ามากดดันจึงฉวยโอกาสจิ้มเข้าไปง่ายๆ ลิเวอร์พูลทิ้งห่าง 2-0

นาที 21 วินิซิอุส จูเนียร์ เล่นชิ่งกับ คาริม เบนเซมา ทำให้วินิซิอุสได้เข้ามาพื้นที่ด้านซ้ายของเขตโทษ ก่อนหาช่องเจอแล้วยิงเสียบเสาสองอย่างเฉียบคม มาดริดไล่มา 1-2

นาที 25 ลิเวอร์พูลเกือบยิงเพิ่ม จอร์แดน เฮนเดอร์สัน หลุดเข้าด้านขวาของเขตโทษแล้วจ่ายเข้ากลางให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ รับได้แต่ยิงไม่ถนัด จากนั้นบอลหลุดมาที่ ดาร์วิน นูนเญซ พยายามยิงเผาขน แต่ติดบล็อก ดานี การ์บาฆัล ที่ขวางปากประตูไว้

นาที 31 มาดริดเปิดลูกเตะมุมไปหน้าประตู แนวรับลิเวอร์พูลโหม่งสกัดไปเข้าเท้า วินิซิอุส จูเนียร์ ยิงจากทางด้านซ้ายของเขตโทษ อลิสซอน เบ็กเกอร์ ยังเหนียวพุ่งปัดทัน

นาที 36 โจ โกเมซ ตัดบอลได้แล้วส่งคืนหลังให้ อลิสซอน เบ็กเกอร์ จ่ายบอลต่อไม่ดีไปติด วินิซิอุส จูเนียร์ ที่ตามมากดดัน แล้วบอลก็เด้งกลับเข้าประตูไปทั้งแบบนั้น มาดริดตีเสมอ 2-2 และจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้

ครึ่งหลังนาที 47 มาดริดได้ฟรีคิกทางด้านซ้ายใกล้เส้นเขตโทษ ลูกา โมดริช เปิดพุ่งเข้าไปหน้าประตูให้ เอแดร์ มิลิเตา โฉบมาขวิดตุงตาข่าย ทีมเยือนแซงนำ 3-2

นาที 55 คาริม เบนเซมา เล่นชิ่งกับ โรดริโก จนเบนเซมาได้หลุดเข้าพื้นที่เขตโทษแล้วสับไกยิงเหมือนไม่ถนัดเท่าไหร่ แต่กลับมีโชคช่วยบอลไปแฉลบ โจ โกเมซ เปลี่ยนทางผ่านนายทวารเข้าสู่ก้นตาข่าย มาดริดทิ้งห่าง 4-2

นาที 67 มาดริดโต้กลับเร็ว วินิซิอุส จูเนียร์ หลุดขึ้นมาแล้วส่งต่อให้ คาริม เบนเซมา ได้เผชิญหน้ากับ อลิสซอน เบ็กเกอร์ ก่อนที่เบนเซมาจะโชว์ความนิ่งล็อกหลบอลิสซอนแล้วยิงเข้าไป สกอร์กลายเป็น 5-2

จากนั้นรูปเกมดำเนินไปแบบไม่มีอะไรหวือหวามากนัก และไม่มีฝั่งไหนยิงเพิ่มได้อีก จบเกมมาดริดบุกชนะขาดลอย 5-2 โดยนัดสองจะไปเล่นบ้านมาดริดวันที่ 15 มีนาคม

ส่วนอีกคู่ "อินทรีแดงดำ"ไอน์ทรักต์ แฟรงก์เฟิร์ต จากเยอรมนี เปิดสนามดอยต์ช บังก์ ปาร์ก แพ้ต่อ "อัซซูรา"นาโปลี จากอิตาลี 0-2

ทีมเยือนได้ประตูจาก วิกเตอร์ โอซิเมน นาที 40, โจวานนี ดิ ลอเรนโซ นาที 65 และยังเกือบได้อีกประตูจากจุดโทษ ควิชา ควารัตส์เคเลีย ยิงพลาดนาที 36 ขณะที่เจ้าบ้านต้องเหลือ 10 คน ร็องดัล โคโล มูอานี ถูกไล่ออกนาที 58

สำหรับเกมหน้าจะไปเล่นที่บ้านนาโปลีวันที่ 15 มีนาคม

ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล อดีตผู้รักษาประตูทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ส่งข้อความไปถึง ดาบิด เด เคอา นายทวารทีม ผีแดง แล้วหลังถูกมือกาวสแปนิชสร้างสถิติเก็บคลีนชีตได้เทียบเท่าจากการลงสนามในศึก พรีเมียร์ลีก นัดล่าสุดที่เปิดบ้านพิชิต เลสเตอร์ 3-0 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

เด เคอา โชว์ฟอร์มในซีซั่นนี้ได้อย่างน่าประทับใจโดยเกมบู๊กับ สุนัขจิ้งจอก เขาช่วยให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่เสียประตูจากการเซฟลูกยากได้อย่างไม่น่าเชื่อถึงสองจังหวะในครึ่งแรก และเพิ่มผลงานเก็บคลีนชีตในทุกรายการเป็นสถิติของสโมสร 180 นัดเท่ากับ ชไมเคิ่ล แล้วโดยผู้รักษาประตูวัย 32 ปีลงสนามให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ไปแล้ว 521 นัดนับตั้งแต่ย้ายมาจาก แอตเลติโก มาดริด เมื่อเดือนมิ.ย.2011

จากผลงานดังกล่าวของ เด เคอา ล่าสุด ชไมเคิ่ล อดีตจอมหนึบทีมชาติ เดนมาร์ค ได้ส่งข้อความมายินดีด้วยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

"คลีนชีต 180 นัดเป็นเรื่องที่ยาก แต่ทำได้อย่างสมควรจากการเซฟระดับนอกโลกสองหน เยี่ยมมาก@ดี_เด เคอา ขอแสดงความยินดีด้วยจากความสำเร็จที่สุดวิเศษ" ชไมเคิ่ล โพสต์ลงทวิตเตอร์

นอกจากจะลงสนามให้ ผีแดง มากที่สุดเป็นอันดับ 10 ของสโมสรแล้ว เด เคอา ยังเป็นรองแค่ นิค โป๊ป นายทวารทีม นิวคาสเซิ่ล รายเดียวเท่านั้นจากการเก็บคลีนชีตใน พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้ซึ่งผู้รักษาประตูชาวเมืองกระทิงดุทำได้ 10 คลีนชีต และเป็นคลีนชีตนัดที่ 140 ของเขาในเกม พรีเมียร์ลีก

ถึงขณะนี้ เค เคอา ซึ่งได้เฝ้าเสาในเกม พรีเมียร์ลีก ให้กับ ผีแดง ในซีซั่นนี้ครบทุกนาทีมีโอกาสทำลายสถิติเก็บคลีนชีตแซงหน้า ชไมเคิ่ล ได้ในเกมต่อไปซึ่งทีมของ เอริค เทน ฮาก ผู้จัดการทีมชาวดัตช์จะเปิดบ้านฟาดแข้งกับ บาร์เซโลน่า ในศึก ยูโรปาลีก รอบเพลย์ออฟนัดสองวันพฤหัสบดีนี้หลังจากเกมแรกที่ คัมป์นู เมื่อกลางสัปดาห์ก่อนจบลงด้วยผลเสมอ 2-2

มาร์คัส แรชฟอร์ด กองหน้าทีม แมนฯ ยูไนเต็ด แสดงสปิริตกล่าวยกย่องฟอร์มที่เหนียวหนึบของ ดาบิด เด เคอา นายทวารมือกาวว่าเซฟช่วยทีมเอาไว้เยอะจนทำให้ ผีแดง เอาชนะ เลสเตอร์ ได้ 3-0 ในการฟาดแข้งฟุตบอล พรีเมียร์ลีก ที่สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อวันอาทิตย์ที่ 19 ก.พ.

ในเกมบู๊กับ เดอะ ฟ็อกซ์ แรชฟอร์ด สร้างความฮือฮากระทุ้งประตูเพิ่มได้อีกสองเม็ดรวมเป็น 24 ประตูในทุกรายการของซีซั่นนี้แล้ว แต่ก่อนที่เขาจะเช็กบิลเม็ดแรกใส่ทีมเยือนได้ เด เคอา ระเบิดฟอร์มซูเปอร์เซฟช่วยทีมได้หลายหนซึ่งสตาร์ผิวสียอมรับว่ามีส่วนทำให้ทีมได้สามแต้มเต็ม

"โดยรวมแล้วมันเป็นวันที่ดี พวกเขาสร้างโอกาสได้ และ ดาบิด เซฟได้อย่างยอดเยี่ยมในท้ายครึ่งแรก หากไม่มีเขา เราก็คงไม่ชนะเกมนี้" แรชฟอร์ด กล่าว

"มันยังอยู่ในช่วงต้นซีซั่น เราต่อสู้กับหลายรายการ และเรามีเกมใหญ่อีกเกมช่วงกลางสัปดาห์ซึ่งหวังว่าเราจะเข้ารอบต่อไปของถ้วย ยูโรปาลีก ได้ จากนั้นมันก็เป็นเกมสำคัญในนัดชิงชนะเลิศ คาราบาวคัพ กับ นิวคาสเซิ่ล"

"ผมยังไม่รู้สึกว่าอยากผ่อนมันลงไป ผมยังอยากพัฒนาต่อ"

ต่อข้อถามของการลุ้นคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก สตาร์ทีมชาติ อังกฤษ เอ่ยว่า "เราเข้าใกล้มากขึ้น แต่ทั้งสองทีมที่อยู่เหนือเราเป็นทีมที่ดี และเล่นฟุตบอลได้ดี เราต้องใส่ใจกับตัวเอง และทำให้ดีที่สุดเพื่อเก็บแต้มต่อไป"

การจากลาเป็นเรื่องปกติที่ทุกๆ คนต้องพบเจอ แต่การต้องจากลาก่อนวัยอันควรเป็นสิ่งที่หลายๆ คนไม่สามารถลืมเลือนได้ โดยเฉพาะหากคนๆ นั้นเป็นญาติพี่น้องหรือลูกหลาน แต่สิ่งสุดท้ายที่จะทำให้กับคนๆ นั้นเพื่อเป็นอนุสรณ์หากเอาไว้เป็นสิ่งที่มีความหมายอย่างมาก

แม็ทธิว เกาส์ แฟนบอลลิเวอร์พูล ต้องสูญเสีย แฮร์รี่ ลูกชายวัย 6 ขวบจากโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว หรือ "ลูคีเมีย" แต่การจากไปอย่างไม่มีวันกลับของทายาทตัวน้อยได้ส่งต่อแรงบันดาลใจและความกล้าหาญให้กับในการทำสิ่งสุดท้ายเพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้อื่นที่ต้องป่วยเหมือนกับลูกชายสุดที่รัก

ย้อนไปเมื่อเดือนพฤษภาคม 2012 แฮร์รี่ ถูกตรวจพบเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันชนิดลิมฟอยด์ หรือ "ALL" จนกระทั่งในปี 2016 มะเร็งชนิดนี้ได้ลุกลามกลายเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันชนิดมัยอิลอยด์ หรือ "AML" 

หลังจากต่อสู้กับอาการป่วยตั้งแต่เยาว์วัยตลอดระยะเวลา 3 ปี แฮร์รี่ มีอาการกำเริบอย่างรุนแรง และในที่สุดก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับโรคร้ายเหล่านี้ในเดือนกันยายนปี 2016

แม้ว่าลูกชายสุดที่รักจะจากไปนานหลายปีแล้วก็ตาม แต่กว่าที่ แม็ทธิว จะทำใจได้ต้องใช้เวลานานพอสมควร และพร้อมที่จะทำในสิ่งที่จะช่วยเหลือคนอื่นๆ ที่ต้องป่วยเป็นโรคร้ายดังกล่าว ที่สำคัญสิ่งนี้จะเป็นเหมือนความทรงจำสุดท้ายที่ทุกๆ คนจะได้จดจำ แฮร์รี่ ไปชั่วนิรันดร์

"แฮร์รี่ ใช้เวลา 3 สัปดาห์อยู่ในห้องไอซียู ที่โรงพยาบาลเซนต์ จอร์จ ซึ่งเป็นที่ที่เราเสียเขาไป ในตอนเช้าที่เขาจากไป เรากลับไปที่รอยัล มาร์สเดน ในซัตตัน ซึ่งเป็นที่ที่เราเตรียมเตียงเอาไว้รอเขากลับมา"

"ไม่มีใครคาดหวังว่าเขาจะกลับมา คุณพยาบาลมีความกรุณามากๆ และมีอยู่ท่านหนึ่งเดินเข้ามากอดเราพร้อมกับพูดว่า -คุณคงยากจะลืมเรื่องนี้- เธอพูดถูกแต่คุณต้องเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับสิ่งนี้"

แม็ทธิว ยอมรับเขาคิดว่า แฮร์รี่ จะไม่เป็นอะไรเพราะมีการตรวจพบว่าอัตราการรอดชีวิตมีถึง 95 เปอร์เซ็นต์จากการวินิจฉันว่าเขาป่วยเป็นโรค "ALL" ในครั้งแรก "เขาเกือบที่จะจบการรักษาอยู่แล้ว ซึ่งใช้เวลา 3 ปี จากนั้นค่าเลือดของเขาก็ลดลง"

"เมื่อคุณรู้ว่ามันกกลับมาอีกครั้งนั่นเป็นเรื่องที่เลวร้ายมากๆ น่าเศร้ายิ่งไปกว่านั้นก็คือมีสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่าเกิดขึ้น จากนั้นทุกอย่างก็ย่ำแย่ลงเรื่อยๆ" แม็ทธิว กล่าว

หลังจากการกำเริบของโรคร้ายในปี 2016 ทางเดียวที่จะรักษาโรคนี้ก็คือการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ แม้จะพบกับสเต็มเซลล์ที่เข้ากันได้แต่ร่างกายของหนูน้อยกลับตอบสนองในทางลบต่อการรักษา ทำให้เกิดภาวะสเต็มเซลล์ใหม่ต้านร่างกายผู้ป่วย ซึ่งก็คือเม็ดเลือดขาวจากผู้บริจาคโจมตีเซลล์ของ แฮร์รี่

"เราเสีย แฮร์รี่ ในอีก 8 วันหลังจากวันเกิดอายุครบ 6 ขวบของเขา" แม็ทธิว ย้อนความหลง "จากวันนั้นคุณต้องพยายามค้นหาบางสิ่งที่จะเป็นเครื่องยึดเหนียว และนั่นก็คือการทำเรื่องการกุศล"

"ตอนนั้นผมได้แต่นั่งรอและไม่มีทางช่วยอะไรได้เลย ดังนั้นคุณต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้เชี่ยวชาญ ผมรักษาโรคนี้ไม่ได้แต่ผมสามารถวิ่งได้ บางทีเราน่าจะพยายามทำสิ่งนี้ แฮร์รี่ จากไปแล้ว แต่เขาจะต้องภาคภูมิใจกับสิ่งที่เรากำลังจะทำ หากสิ่งที่เราทำเป็นประโยชน์ต่อเด็กซักคน มันก็คุ้มค่าที่สุดแล้ว"

คุณพ่อวัย 47 ปีเคยแสดงความไว้อาลัย แฮร์รี่ ในวันครบรอบ 5 ปีที่เขาจากไปด้วยการปั่นจักรยานจาก ลอนดอน ไป ปารีส เพื่อระดมเงินบริจาคสำหรับ "Cure Leukaemia" ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลด้านมะเร็งเม็ดเลือดแห่งชาติ โดยจะช่วยผู้ป่วยให้ได้รับการรักษา รวมทั้งให้การสนับสนุนด้านการเงินสำหรับการทดลองด้านการแพทย์



สำหรับในปี 2023 แม็ทธิว มีแผนที่จะเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางแบบเดิม แต่จะไม่ใช่การปั่นจักรยานอีกต่อไป เพราะเขาและมิตรสหายร่วมอุดมการอีก 8 คน จะวิ่งตั้งแต่ ลอนดอน ไปยัง ปารีส พร้อมเป้าหมายระดมทุนให้ได้ 100,000 ปอนด์ (ราว 4.2 ล้านบาท) เพื่อนำมาใช้สนับสนุนในการรักษาโรคร้ายนี้

"สำหรับผมมันถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมกับองค์กรการกุศลที่จะช่วยโอบอุ้มพวกคุณ พวกเขาเรียกสิ่งนี้ว่าครอบครัว แคร์ ลูคีเมีย และมันให้ความรู้สึกแบบนั้นจริงๆ คุณพร้อมที่จะก้าวผ่านความยากลำบากเพื่อผู้คนเหล่านี้ และมันเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่สุด"

นอกจากนี้ แม็ทธิว ยอมรับว่าฟุตบอลเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงและให้กำลังใจกันและกันเป็นอย่างดี โดยเฉพาะหากคนที่คุณได้รู้จักเป็นครั้งแรกจะเลือกทีมเชียร์เหมือนกัน "ฟุตบอลเป็นหนึ่งเดียวที่สุดยอดที่สุด คุณไม่มีทางรู้จักพ่อที่นอนอยู่เตียงตรงข้ามกับคุณพร้อมกับเด็กน้อยที่ชื่อ อดัม"

"แต่ถ้าเขาสวมเสื้อลิเวอร์พูลคุณรู้ได้ทันทีว่าคุณมีบางอย่างที่เหมือนกัน ฟุตบอลทำให้คุณก้าวออกจากโลกแห่งความจริงได้ในช่วงเวลา 90 นาที แทนที่จะใช้คำว่า -คุณจะไม่มีวันเดินเดียวดาย- สำหรับผมมันกลายเป็น -คุณจะไม่มีวันวิ่งเพียงลำพัง-"

"เพราะนี่จะเป็นบทเพลงที่ผมขับร้องออกมาตลอดตอนที่ผมกำลังวิ่งฝ่าความมืดมิด เราคงจะได้ร้องเพลงนี้กันเยอะแน่นอนในช่วงระหว่างทางที่วิ่งไปยังปารีส" แม็ทธิว กล่าวทิ้งท้าย

ด้าน ศาสตราจารย์ วินน์ วัย 57 ปีซึ่งเป็นนักโลหิตวิทยาและมะเร็งในเด็กจากเมืองลิเวอร์พูล เปิดใจเกี่ยวกับการที่เคยมีโอกาสได้ร่วมปั่นจักรยานครั้งที่แล้วว่า "ผมเคยปั่นจักรยานกับ แม็ทธิว เมื่อปีที่แล้ว และผมได้แรงบันดาลใจมาจากการตอบสนองต่อการสูญเสียของเขา"

"สำหรับ แม็ท การระดมทุนเป็นการเปิดโอกาสให้กับครอบครัวอื่นๆ ที่จะได้ไม่ต้องประสบกับปัญหาแบบเดียวกับเขา ผมหวังว่าเรื่องราวแบบเดียวกับเขาจะไม่เกิดขึ้นบ่อยๆ และหวังว่าในอนาคตเราจะสามารถรักษาเด็กๆ ได้มากขึ้น"

สิ่งที่ แม็ทธิว ทำมาตลอดหลายปี คงทำให้ แฮร์รี่ ที่อยู่บนสวรรค์ภาคภูมิใจที่สุด

ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก อัลฟอนโซ่ เดวิส ปราการหลังทีม บาเยิร์น มิวนิค ทำความฝันให้เป็นความจริงได้แล้วหลังจาก ลิโอเนล เมสซี่ สตาร์ทีม ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ยอมแลกเสื้อด้วยหลังจบเกม แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีมนัดแรกเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาซึ่ง เสือใต้ บุกไปกำชัย 1-0

เดวิส ประสบความสำเร็จทั้งในทางส่วนตัว และทีมหลังจบเกมบุกไปสยบ เปแอสเช จากประตูของ คิงส์ลีย์ โกมัน อดีตดาวเตะทีมเจ้าบ้านเองเนื่องจากเขาเคยขอแลกเสื้อกับ เมสซี่ นักเตะคนโปรดมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ถูกดาวเตะทีมชาติ อาร์เจนติน่า ปฏิเสธก่อนสมหวังในท้ายที่สุด

ดาวเตะทีมชาติ แคนาดา เผยว่าเคยขอ เมสซี่ แลกเสื้อตั้งแต่สมัยที่สตาร์ละตินค้าแข้งกับ บาร์เซโลน่า ในเกม แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแปดทีมเมื่อเดือนส.ค.2020 แต่ถูกบอกปัดเนื่องจากเกมนั้น บาเยิร์น บุกไปถล่มทีมดังแห่งกาตาลันได้ถึง 8-2

"ผมขอแลกเสื้อกับเขา แต่ผมคิดว่าเขาคงหงุดหงิดนิดหน่อย มันโอเค แต่หนหน้าผมหวังว่าจะทำได้" แบ็คซ้ายผิวสีเผยในเวลานั้นก่อนสานฝันได้สำเร็จหลังจากเวลาผ่านไปเกินกว่า 900 วัน

"เรื่องที่ดีที่สุดที่เกิดขึ้นในเกมนี้คือ อัลฟอนโซ่ เดวิส ได้เสื้อจาก เมสซี่ หลังจากผ่านไปสามปี" แฟนบอลคอมเมนต์

"อัลฟอนโซ เดวิส น่าจะมีความสุขมากกว่าชัยชนะในเกมนี้ที่ได้เสื้อ เมสซี่"

จอร์แดน พิคฟอร์ด ผู้รักษาประตูทีม เอฟเวอร์ตัน ทำการบ้านมาเป็นอย่างดีเมื่อถูกพบเห็นว่าจดโน้ตการยิงลูกโทษของนักเตะ ลิเวอร์พูล เอาไว้ที่กระบอกน้ำ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์

พิคฟอร์ด ผู้รักษาประตูทีมชาติ อังกฤษ เตรียมความพร้อมมาอย่างเต็มที่ในเกม เมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บี้ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาซึ่งทีม ท๊อฟฟี่สีน้ำเงิน บุกไปแพ้ 2-0 เนื่องจากเขาจดโน้ตการยิงลูกโทษของนักเตะเจ้าบ้านเอาไว้หลายราย แต่ก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์หลังโดน โม ซาลาห์ และ โคดี้ กัคโป ตะบันคนละเม็ดให้ เร้ด แมชีน เก็บสามแต้มได้สำเร็จ

สำหรับข้อมูลที่ พิคฟอร์ด แปะเอาไว้ที่กระบอกน้ำ มีรายละเอียดการเซฟลูกโทษจาก ดาร์วิน นูนเญซ , เจมส์ มิลเนอร์ และ กัคโป ว่าทั้งหมดมักยิงมาทางซ้ายมือของนายทวารมากกว่า 60% เช่นเดียวกับ ซาลาห์ แต่สตาร์ทีมชาติ อียิปต์ คาดเดาได้ยากกว่าเนื่องจากเขาเลือกยิงกลางประตูเช่นกัน 13.3% และยิงไปทางขวามือของผู้รักษาประตู 33.3%

นอกจากนี้ พิคฟอร์ด ยังเสริมรายละเอียดเล็กๆน้อยๆด้วยว่าต้องเช็คจังหวะการวิ่งของ ซาลาห์ ด้วย และให้รอจนถึงที่สุดก่อนพุ่งเซฟการสังหารของ นูนเญซ

อย่างไรก็ดี ไม่ใช่ครั้งแรกที่นายด่านตาข่ายวัย 28 ปีพกโน้ตการเซฟลูกโทษแบบนี้ลงสนามโดยในนัดชิงชนะเลิศ ยูโร 2020  ที่ เวมบลีย์ เขาเคยใช้วิธีการเดียวกันนี้มาก่อนกับ อิตาลี และเลือกศึกษาการยิงลูกโทษของ อเลสซานโดร ฟลอเรนซี่ , จาโคโม่ ราสปาโดรี่, ราฟาเอล โตลิโอ , ไบรอัน คริสตานเต้ , ฟรานเชสโก้ อแซร์บี้ , อเลสซานโดร บาสโตนี่ และ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า

ถึงกระนั้น ขุนพลทีม อัซซูรี่ ที่ก้าวออกมายิงลูกโทษตัดสินหลังเกมจบลงด้วยผลเสมอ 1-1 ประกอบไปด้วย โดเมนิโก้ เบราร์ดี้ , อันเดรีย เบล็อตติ , เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ , เฟเดริโก้ แบร์นาร์เดสคี่ และ จอร์จินโญ่ ซึ่ง พิคฟอร์ด เซฟลูกโทษจาก เบล็อตติ และ จอร์จินโญ่ ได้ แต่ก็ไม่วายพ่ายไป 3-2 โดยที่เพชฌฆาตสามรายหลังของทีม สิงโตคำราม ทั้ง มาร์คัส แรชฟอร์ด , เจดอน ซานโช่ และ บูคาโย่ ซาก้า นัดกันสังหารพลาดเรียบวุธ