แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เริ่มมีเสียวในสงครามแย่งท็อปโฟร์ พรีเมียร์ลีก เมื่อไปเยือนแล้วแพ้เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ทำให้ความได้เปรียบเหนือลิเวอร์พูลลดลงไปอีกขั้น
การแข่งขันฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม "ขุนค้อน"เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เปิดสนามลอนดอน สเตเดียม รับการมาเยือนของ "ปีศาจแดง"แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

เกมนี้เจ้าบ้านส่ง มิคาอิล แอนโทนิโอ, ลูคัส ปาเกตา, จาร์รอด โบเวน ลงนำเกมรุก ส่วนทีมเยือนใช้งาน เวาต์ เว็กฮอร์สต์, มาร์คัส แรชฟอร์ด, อันโตนี

ครึ่งแรกนาที 17 บรูโน แฟร์นานเดส จ่ายบอลออกซ้ายให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด เลี้ยงจี้ใส่กองหลังเข้าพื้นที่เขตโทษ ก่อนจะโยกหาช่องแล้วสับไกยิงหวังยัดเสาแรก บอลชนเสาออกหลัง แมนฯ ยูไนเต็ดยังไม่ขึ้นนำ

นาที 27 ซาอิด เบนราห์มา ฉกบอลได้บริเวณกลางสนามแล้วพาขึ้นมา ก่อนจะยิงจากระยะประมาณ 20 หลา บอลพุ่งเรียดไม่แรงและดูเหมือนไม่อันตราย ดาบิด เด เคอา กลับล้มตัวปัดพลาดเองทำให้บอลเข้าประตูเฉย เวสต์แฮมนำ 1-0

นาที 32 แมนฯ ยูไนเต็ดเกือบตีเสมอ บรูโน แฟร์นานเดส จ่ายบอลให้ อันโตนี พลิกตัวแล้วหาช่องยิงจากระยะไกล บอลมีแฉลบคู่แข่งเล็กน้อยพุ่งไปชนเสาออกหลัง

นาที 45+1 เวสต์แฮมมีลุ้นบวกเพิ่ม ลูคัส ปาเกตา ไหลบอลเข้าพื้นที่ว่างในเขตโทษให้ ซาอิด เบนราห์มา โฉบมาสับไกยิง ดาบิด เด เคอา ยังล้มตัวเซฟไว้ได้ จบครึ่งแรกเจ้าบ้านนำอยู่ 1-0

ครึ่งหลังนาที 52 จากลูกทุ่มไกลมาหน้าปากประตู ดาบิด เด เคอา พยายามคว้าแล้วโดน มิคาอิล แอนโทนิโอ ชนล้มลง ก่อนที่แอนโทนิโอจะยกเท้าตวัดบอลเข้าสู่ก้นตาข่าย แต่ผู้ตัดสินเป่าว่าเป็นการฟาวล์ไปก่อนแล้ว เวสต์แฮมเลยไม่ได้ประตูเพิ่ม

นาที 55 โอกาสเป็นของฝั่งแมนฯ ยูไนเต็ด อารอน วาน-บิสซากา พาบอลบุกขึ้นมาแล้วจ่ายไปบริเวณเส้นหัวกะโหลกหน้าเขตโทษให้ เวาต์ เว็กฮอร์สต์ สับไกยิง ลูคัส ฟาเบียนสกี ถึงกับรับไม่อยู่มือ แต่บอลกระฉอกไม่ไกลจึงไม่มีโอกาสที่ใครจะตามซ้ำได้

นาที 73 เดแคลน ไรซ์ จ่ายบอลออกซ้ายให้ ลูคัส ปาเกตา เปิดบอลพุ่งเข้ากลาง โตมัส ซูเช็ก จึงสบโอกาสโขกบอลชนเสาเข้าไป แต่ซูเช็กอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าก่อน เวสต์แฮมจึงชวดได้ประตู

นาที 77 มาร์เซล ซาบิตเซอร์ ทำชิ่งจังหวะเดียวให้บอลไปทางด้านขวาของเขตโทษ มาร์คัส แรชฟอร์ด ชิงจังหวะแย่งจากคู่แข่งได้แล้วยิงหวังยัดเสาแรก ลูคัส ฟาเบียนสกี ยังกระโดดปัดทิ้งทัน แมนฯ ยูไนเต็ดตีเสมอไม่สำเร็จ

นาที 90+1 โอกาสของแมนฯ ยูไนเต็ดอีกครั้ง อองโธนี มาร์กซิยัล เล่นลูกชิ่งกับ มาร์คัส แรชฟอร์ด ทำให้มาร์กซิยัลมีช่องลุยเข้าเขตโทษไปสับไกยิง ลูคัส ฟาเบียนสกี เซฟไว้ได้ จบเกมเวสต์แฮมชนะไป 1-0

ทำให้แมนฯ ยูไนเต็ดลงสนาม 34 นัด นิ่งอยู่ที่ 63 คะแนน ยังยึดอันดับ 4 เหนือกว่าอันดับ 5 ลิเวอร์พูล 1 แต้ม โดยแมนฯ ยูไนเต็ดมีจำนวนเกมลงเตะน้อยกว่าเหลือเพียง 1 นัด ส่วนเวสต์แฮมแข่ง 35 นัด เก็บเพิ่มเป็น 37 คะแนน รั้งอันดับ 15

ผลอีกคู่ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด แพ้ อาร์เซนอล 0-2

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือทีม แมนฯ ซิตี้ ออกอาการหัวเสียเล็กๆ ที่ เรือใบสีฟ้า ยิงลูกโทษพลาดในช่วงท้ายเกม พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ ลีดส์ ตีไข่แตกได้ก่อนที่สกอร์จะจบลงด้วยชัยชนะของทีมเจ้าบ้าน 2-1 ในเกม พรีเมียร์ลีก ที่สนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม เมื่อวันเสาร์ที่ 6 พ.ค.

กวาร์ดิโอล่า ให้สัมภาษณ์หลังเกมว่า เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ สมควรยิงลูกโทษตามหน้าที่ในช่วงหกนาทีสุดท้ายแทนที่จะปล่อยให้ อิลคาน กุนโดดัน สังหารเพื่อซัดแฮททริค และความผิดพลาดทำให้ เรือใบสีฟ้า ฉีกหนี ยูงทอง เป็น 3-0 ไม่ได้ กระทั่งเอาชนะทีมท้ายตารางได้แบบหวุดหวิด 2-1

"เราเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม เราครองเกมได้ดีโดยเฉพาะในครึ่งแรก เราอาจจบสกอร์ได้ไม่เด็ดขาดเหมือนเคย ในครึ่งหลังต้องไม่ลืมว่าเราลงเล่นเป็นเกมที่สามในหกวัน มันจึงเป็นความกดดัน หลังจากเกมกับ อาร์เซน่อล เราหมดแรงเล็กน้อย และเราต้องเจอกับคู่แข่งที่แข็งแกร่งอย่าง ฟูแล่ม และ เวสต์แฮม"

"สุดท้ายแล้วเกมน่าจะจบลงด้วยลูกโทษ แต่พวกเขาได้ประตู และเราต้องลำบาก แต่เราเล่นกันได้ดี"

"ผมต้องบอกว่ามันเป็นเกมที่น่าสบายสำหรับ อิลคาย กุนโดกัน เพราะเขาไม่มีความกดดันมากนัก แต่เขา...จะให้ผมพูดยังไงดี? เขาสามารถทำได้ทุกอย่าง ในฐานะกองกลางตัวคุมบอลหรือจะเป็นตัวรุกก็ตาม เขาเล่นได้อย่างฉลาด เราดีใจที่มีเขาอยู่ในทีม" กวาร์ดิโอล่า ออกอาการเสียดายที่ กุนโดกัน ซัดลูกโทษพลาดจนชวดทำแฮททริค ก่อนที่ ลีดส์ จะตีไข่แตกจนทำให้เจ้าบ้านโดนไล่จี้ 2-1

กุนซือ เรือใบสีฟ้า เอ่ยถึงการบอกให้ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ เป็นคนยิงลูกโทษตามมาว่า "เกมยังไม่จบ มันแสดงให้เห็นถึงความมีน้ำใจของ ฮาลันด์ หากสกอร์เป็น 4-0 ในช่วง 10 นาทีสุดท้าย มันก็โอเค แต่ 2-0 เออร์ลิ่ง ยิงลูกโทษได้ดีที่สุดในตอนนี้ ดังนั้นเขาจึงต้องทำหน้าที่"

"วันนี้ เออร์ลิ่ง ควรยิงได้สองหรือสามประตู เขาเล่นได้อย่างน่าทึ่ง เขาต่อสู้ให้เราในทุกจังหวะ ผมอยากสรรเสริญ เออร์ลิ่ง แม้เขาจะยิงประตูไม่ได้ หาก กุรโดกัน ยิงได้  ทุกคนก็โอเค แต่คนยิงลูกโทษต้องยิงลูกโทษ ตอนที่สกอร์เป็น 2-0 มันไม่ใช่สถานการณ์ที่เราไม่อาจละเลยได้"

แซม อัลลาร์ไดซ์ กุนซือ ลีดส์ ยูไนเต็ด กำชับลูกทีม โยนความกลัวทิ้งไปซะ สำหรับการเผชิญหน้ากับ เออร์ลิง ฮาลันด์ ยอดดาวยิง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในเกมวันเสาร์นี้ ชี้หากคุณทำให้ ฮาลันด์ ไร้สกอร์ คุณก็จะมีเกมที่ยอดเยี่ยม

แซม อัลลาร์ไดซ์ ผู้จัดการทีม ลีดส์ ยูไนเต็ด เชื่อว่า ลูกทีมของตนจำเป็นต้องเล่นด้วยทัศนคติที่ดี และปราศจากความหวาดกลัว ในการรับมือกับ เออร์ลิง ฮาลันด์ กองหน้าเครื่องจักรสังหารของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดที่ "ยูงทอง" บุกไปเยือน "เรือใบสีฟ้า" วันเสาร์ที่ 6 พฤษภาคมนี้

ฤดูกาลนี้ ฮาลันด์ กระทุ้งประตูในศึก พรีเมียร์ลีก ไปแล้วถึง 35 ลูก ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดตลอดกาล พรีเมียร์ลีก สำหรับการเล่นต่อหนึ่งฤดูกาล ขณะที่ ลีดส์ คือทีมที่เสียประตูมากสุด (67 ลูก) ใน พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ แต่ถึงกระนั้น "บิ๊กแซม" มองว่า ยังพอมีวิธีที่จะทำให้ ยอดดาวยิงวัย 22 ปี มีความอันตรายน้อยลง

"คุณจำเป็นต้องมีความแข็งแกร่งเพียงพอ ในการรับมือกับเขา เพราะเขาสามารถเล่นกับน้ำหนักร่างกายตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยม เช่นเดียวกับทักษะความสามารถของเขา แต่ผมให้ความสนใจกับบอลที่จะเข้ามาหาเขามากกว่า เพราะถ้าคุณสามารถจำกัดบอลที่จะเข้ามาหาเขาได้ คุณก็จะมีโอกาสรับมือกับเขาได้ดีขึ้น"

"สำหรับผู้เล่นที่จะต้องอยู่ใกล้กับเขา จงอย่ากลัว เล่นด้วยทัศนคติที่ดี ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี ถ้าคุณสามารถหยุดเขา ไม่ให้เขาทำประตูได้ เกมนี้คุณไม่จำเป็นต้องทำอย่างอื่นเลย ขอแค่หยุดเขาให้ได้ คุณก็จะมีเกมที่ดี" กุนซือจอมเก๋าชาวอังกฤษวัย 68 ปี กล่าวในงานแถลงข่าวก่อนเกม เมื่อวันศุกร์ที่ 5 พฤษภาคม

ปัจจุบัน ลีดส์ รั้งอันดับ 17 ในตารางคะแนน พรีเมียร์ลีก โดยมี 30 แต้ม จากการลงแข่ง 34 นัด เท่ากับ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ทีมอันดับ 18 ที่อยู่ในโซนตกชั้น ทว่าพวกเขามีผลต่างประตูได้-เสีย ดีกว่า "เจ้าป่า"

อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ มิดฟิลด์ทีม ไบรท์ตัน ออกอาการพึงพอใจตามฟอร์มหลังยิงลูกโทษในช่วงทดเวลาพาทีมแก้แค้น แมนฯ ยูไนเต็ด ได้สำเร็จ 1-0 จากการทำศึก พรีเมียร์ลีก ที่สนาม เอเม็กซ์ สเตเดี้ยม เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 พ.ค.

ไบรท์ตัน ยังฝังใจกับความปราชัยที่มีต่อ แมนฯ ยูไนเต็ด ในรอบรองชนะเลิศ เอฟเอคัพ ซึ่งพวกเขาเชื่อว่าเล่นได้ดีกว่า แต่กลับต้องตกรอบด้วยการดวลลูกโทษตัดสิน กระทั่งสามารถล้างตา ผีแดง จนได้แม้จะต้องอาศัยลูกโทษในนาทีที่ 99 จากจังหวะแฮนด์บอลของ ลุค ชอว์

"บอกตามตรง มันเหมือนกับเกมที่ เวมบลีย์  เราทำทุกอย่างเพื่อชนะ แต่เรายิงประตูไม่ได้จากโอกาสที่เรามี" ดาวเตะ อาร์เจนไตน์ กล่าว

"พวกเขารู้ว่าผมอยากยิงลูกโทษ แน่นอนว่าผมกังวลนิดหน่อย ผมแฮปปี้ทุกครั้งที่ผมมีโอกาสยิงประตูได้ ดังนั้นผมจึงแฮปปี้กับทีม"

"เป็นเรื่องง่ายมากที่ได้เล่นให้กับ ไบรท์ตัน เรามีแนวทางการเล่นที่ดี เพื่อนร่วมทีมของผมล้วนวิเศษ มันขึ้นอยู่กับพวกเขาเช่นกัน ผมพอใจมากที่ได้ร่วมเล่นกับพวกเขา และพวกเขาช่วยให้ผมเป็นนักเตะที่ดีขึ้นในทุกๆวัน"

"บอกตามตรงว่าหลังจบ ฟุตบอลโลก มันเป็นเรื่องยากนิดหน่อยที่ต้องกลับมาเล่นอีกในทันที เราไม่มีเวลาฉลองกันอย่างเหมาะสม แต่มันต้องเป็นไปอย่างนั้น"

ฟาบริซิโอ โรมาโน่ กูรูด้านตลาดนักเตะออกโรงอัปเดตความคืบหน้าในการย้ายสังกัดของ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ว่ามีตัวแปรสำคัญที่อาจทำให้ ลิเวอร์พูล ชวดได้ตัวสตาร์ทีม ไบรท์ตัน

โรมาโน่ ผู้สื่อข่าวที่มีความน่าเชื่อถือออกโรงการันตีหนล่าสุดว่า เร้ด แมชีน มีโอกาสได้ตัวกองกลางทีมชาติ อาร์เจนติน่า ไปร่วมทัพเนื่องจากล่าสุดเดินหน้ายื่นข้อเสนอให้พ่อค้าแข้งทีม นกนางนวล พิจารณาแล้ว

"ลิเวอร์พูล เสนอโปรเจ็คต์ รวมถึงข้อเสนอตัวเงินให้กับ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ แล้ว" โรมาโน่ ทวีตเมื่อ 4 พ.ค.

"สโมสรจะยืนยันในสัปดาห์หน้าเพื่อเจรจาเพิ่มเติม แต่ยังไม่มีการตกลงอะไรกัน"

"ผมยังรู้สึกเหมือนเดิมว่า อเล็กซิส จะย้ายออกจาก ไบรท์ตัน 100% และมันน่าจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในเดือนพ.ค.นี้ หรือไม่ก็มิ.ย."

อย่างไรก็ดี โรมาโน่ ยอมรับว่ามีโอกาสเป็นไปได้ที่ หงส์แดง จะพลาดได้ตัวมิดฟิลด์ แชมป์โลก หาก เชลซี ประสบความสำเร็จดึง เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ มาเป็นกุนซือคนใหม่ได้จริงอย่างที่  อีฟนิ่ง สแตนดาร์ด รายงานว่า ท็อดด์ โบลีห์ กับ เบห์ดัด เอ็กห์บาลี เจ้าของร่วมทีม สิงห์บลูส์ ถกกันที่ ลอส แอนเจลีส เมื่อสัปดาห์ก่อนถึงการแต่งตั้ง พอช เนื่องจากทั้งสองเป็นชาวอาร์เจนไตน์เช่นเดียวกัน

"ต้องรอดูกันว่า โปเช็ตติโน่ จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ในทีม เชลซี ได้หรือไม่เพราะแน่นอนว่าเขาเป็นชาวอาร์เจนไตน์เช่นกัน ดังนั้นมันจึงเป็นประเด็นสำคัญ"

"แต่ตอนนี้ ลิเวอร์พูล ก้บ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นสองทีมที่มีโอกาสได้ตัว อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ มากที่สุด"

ไม่ผิดความคาดหมาย เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล หนีไม่พ้นถูก สมาคมฟุตบอล (เอฟเอ) ตั้งข้อหาแล้วกรณีให้สัมภาษณ์โจมตีผู้ตัดสินหลังเกม พรีเมียร์ลีก นัดเฝ้าบ้านสยบ สเปอร์ส แบบเฉียดฉิว 4-3 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

คล็อปป์ กุนซือชาวเยอรมันถูกคาดหมายว่าจะโดน เอฟเอ สอบสวนก่อนตั้งข้อหาอย่างแน่นอนกรณีโจมตี พอล เทียร์นีย์ หลังได้ใบเหลืองจากการฉลองประตูชัยที่มีต่อ ไก่เดือยทอง ด้วยการตะคอกใส่ผู้ตัดสินที่สี่

กระทั่งล่าสุดเมื่อ 2 พ.ค. เอฟเอ ยืนยันเป็นมั่นเหมาะแล้วต่อการตั้งข้อหาผู้จัดการทีม หงส์แดง ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตว่า คล็อปป์ อาจได้รับโทษแบนนอกเหนือจากการปรับเงินด้วยหลัง คณะกรรมการผู้ตัดสินฟุตบอลอาชีพอังกฤษ (พีจีเอ็มโอแอล) ยืนยันว่าเขาโกหกเนื่องจาก เทียร์นีย์ ไม่ได้พูดจาใส่เขาในทางลบเหมือนที่เจ้าตัวระบุกับสื่อ

"เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล ถูกตั้งข้อหาจากเหตุการณ์ในเกม พรีเมียร์ลีก กับ สเปอร์ส เมื่อวันอาทิตย์ที่ 30 เม.ย. มีการกล่าวอ้างว่าผู้จัดการทีมวิจารณ์ผู้ตัดสินในระหว่างการแถลงข่าวหลังเกมอย่างไม่เหมาะสมว่าพวกเขาอาจลำเอียง และตั้งคำถามต่อความเที่ยงธรรมของผู้ตัดสินอย่างก้าวร้าวจนทำให้เกมได้รับความเสื่อมเสีย" เอฟเอ แถลง

บรูโน่ แฟร์นันด์ส เพลย์เมกเกอร์แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีวิวาทะกับ กาเซมีโร่ และ เจดอน ซานโช่ ในแมตช์ที่ทัพ "ปีศาจแดง" เฉือนชนะ แอสตัน วิลล่า 1-0 ที่สนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

ประเด็นแรกเกิดขึ้นช่วงครึ่งแรก ในจังหวะที่ ซานโช่ พยายามที่จะเอาชนะ เลอันเดอร์ เดนด็องเกอร์ แข้ง "สิงห์ผงาด" ในพื้นที่สุดท้ายแต่ไม่สำเร็จและ "ผีแดง" เสียทุ่ม ซึ่ง แฟร์นันด์ส ไม่ปลื้มอย่างแรงถึงขนาดโวยวาย และทำไม้ทำมือไม่พอใจ แต่งานนี้ ดาวเตะเลือดผู้ดี ก็สวนกลับด้วยการการพูดและทำท่าทางให้เขาหยุดบ่นซะที

อย่างไรก็ตามอีกไม่กี่นาทีต่อมา แฟร์นันด์ส ก็จัดการตะบันประตูให้ทีมขึ้นนำ 1-0 และกลายเป็นประตูชัยของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในเกมนี้ ที่สำคัญยังเป็นประตูที่ 100 ในการเล่นเกมลีกของสตาร์ชาวโปรตุกีสด้วย

นอกจากประเด็นกับ ซานโช่ แล้ว แฟร์นันด์ส ยังมีประเด็นกับ กาเซมีโร่ ด้วย โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจบเกมในแมตช์เดียวกัน เมื่อ ดาวเตะชาวบราซิเลียน เข้ามาตำหนิ แฟร์นันด์ส ก่อนที่ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ จะเข้ามาแยกทั้งคู่ และหลังจากนั้นพวกเขาก็กอดกันด้วยความเข้าใจ

ทั้งนี้แฟนบอล "ปีศาจแดง" มองในแง่บวกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะเป็นการแสดงให้เห็นว่านักเตะทุกคนพยายามกระตุ้นกันและกันเพื่อทำผลงานให้ดีที่สุด และสร้างโอกาสที่จะคว้าดับเบิ้ลแชมป์ฟุตบอลถ้วยในประเทศ โดยพวกเขาจะต้องพบกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในเกมนัดชิง ศึกเอฟเอ คัพ หลังก่อนหน้าที่ได้แชมป์คาราบาว คัพ ไปแล้ว

เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ฟูลแบ็กชาวอังกฤษของ ลิเวอร์พูล เปิดใจหลัง "หงส์แดง" สร้างดราม่าสุดมันในแมตช์ชนะ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 4-3 ที่สนามแอนฟิลด์ ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา

"เดอะ เร้ดส์" สร้างความสนุกให้กับเหล่าสาวก "เดอะ ค็อป" อย่างมากเมื่อพวกเขาใช้เวลา 15 นาทียิงสามประตูจาก เคอร์ติส โจนส์, หลุยส์ ดิอาซ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (จุดโทษ) แต่หลังจากนั้นทีมก็ปล่อยเกมมากเกินไปทำให้ โดน แฮร์รี่ เคน ยิงตีไข่แตกช่วงครึ่งแรก

ขณะที่ครึ่งหลังกลายเป็นหนังคนละม้วนเมื่อ สเปอร์ส ดาหน้าเปิดเกมรุกเข้าใส่ และมาได้ประตูความหวังจาก ซน ฮึง-มิน ในนาทีที่ 77 ก่อนที่ ริชาร์ลิซอน จะซัดตีเสมอในนาทีที่ 90+3 ทำเอาแฟนบอลทีมเยือนเฮสนั่น แต่แล้วอีกแค่นาทีเดียว ดีโอโก้ โชต้า ก็ซัดประตูชัย ช่วยให้ ลิเวอร์พูล เก็บ 3 คะแนนได้อย่างน่าเหลือเชื่อ

"หนุ่มเทรนต์" ซึ่งทำ 1 แอสซิสต์ในเกมนี้ และเป็นแอสซิสต์ที่ 6 ภายในเดือนเดียวของเขานับตั้งแต่เปลี่ยนมาเล่นตำแหน่งอินเวิร์ต ฟูลแบ็ก กล่าวว่า "มันบ้าบอสุดๆ นี่มันเกมอะไรกันเนี่ยะ เกมแบบนี้แหละที่เราอยากมีส่วนร่วมในการเล่น มันเป็นการจบเกมที่น่าเหลือเชื่อ บอกจากใจคุณอยากจะเห็นอะไรแบบนี้"

"มันไม่ใช่ความรู้สึกโล่งใจอะไรมากมาย ก็แค่เป็นการฉลองประตูเท่านั้น มันเหมือนเป็นแรงผลักดันให้เรากลับมาเป็นผู้ชนะอีกครั้ง เราเปลี่ยนจากความผิดหวังเป็นความสุขในเวลาไม่กีนาที ยังมีอะไรอีกมากมายที่เราต้องเรียนรู้ เราไม่ควรโดนตีเสมอ 3-3 ทั้งๆ ที่เรานำไปก่อน 3-0"

"นั่นไม่ใช่สิ่งที่ทีมชั้นนำควรทำ เราจำเป็นต้องแก้ไขในเรื่องนี้ พวกเขาสู้จนกลับมาได้ต้องชื่นชมพวกเขา เราต้องพยายามเก็บชัยชนะให้ได้อย่างต่อเนื่อง และนี่คือสิ่งที่เราทำได้ในวันนี้" ฟูลแบ็กทีมชาติอังกฤษ ระบุ

ไรอัน เมสัน กุนซือชั่วคราว ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ คอนเฟิร์ม "ไก่เดือยทอง" จะยังไม่มี อูโก้ โยริส นายประตูมือหนึ่ง เฝ้าเสาในเกมเยือน ลิเวอร์พูล วันอาทิตย์นี้ หลังนักเตะเดี้ยงมาจากเกมเมื่อสุดสัปดาห์ก่อน

ไรอัน เมสัน รักษาการผู้จัดการทีม ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ยืนยันว่า อูโก้ โยริส ผู้รักษาประตูกัปตันทีม ยังคงไม่พร้อมกลับมาช่วยทีมในเกม พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดที่ "ไก่เดือยทอง" บุกไปเยือน ลิเวอร์พูล วันอาทิตย์ที่ 30 เมษายนนี้

โยริส ได้รับบาดเจ็บที่สะโพกจากเกมที่ สเปอร์ส บุกพ่าย นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 1-6 เมื่อสุดสัปดาห์ก่อน ทำให้ เฟรเซอร์ ฟอร์สเตอร์ นายทวารสำรอง ได้สตาร์ทเป็นตัวจริงแทน ในเกมล่าสุดที่ สเปอร์ส เปิดบ้านเสมอ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-2 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 27 เมษายน ที่ผ่านมา และ ฟอร์สเตอร์ ก็จะต้องทำหน้าที่ต่อในเกมที่ แอนฟิลด์

"อูโก้ ยังไม่พร้อมสำหรับเกมวันอาทิตย์นี้" เมสัน กล่าว เมื่อวันศุกร์ที่ 27 เมษายน "ส่วนผู้เล่นที่เจ็บรายอื่นๆ เราจะประเมินสถานการณ์แบบวันต่อวัน เราจะรอดูอาการของแต่ละคนในการซ้อมบ่ายวันนี้ด้วย รวมถึงการซ้อมก่อนเกมในวันพรุ่งนี้"

ปัจจุบัน สเปอร์ส รั้งอันดับห้า ในตารางคะแนน พรีเมียร์ลีก โดยมี 54 แต้ม จากการลงแข่ง 33 นัด ตามหลัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมอันดับสี่ ที่ลงเตะน้อยกว่าสองนัด 6 แต้ม ส่วน ลิเวอร์พูล รั้งอันดับเจ็ด มี 53 แต้ม จาก 32 นัด 

บทความคล้ายกัน : https://baccarat888forum.com/index.php?topic=671.0