มาร์คัส แรชฟอร์ด หัวหอก แมนฯ ยูไนเต็ด ระบุ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ควรจะได้สวมปลอกแขนกัปตันทีมของพวกเขาต่อไป พร้อมบอกว่าที่ผ่านมา บรูโน่ ช่วยเหลือคนในทีมอยู่เสมอ

มาร์คัส แรชฟอร์ด กองหน้า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรดังของศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ กล่าวว่า บรูโน่ แฟร์นันด์ส กองกลางเพื่อนร่วมทีมควรจะได้เป็นกัปตันทีมของพวกเขาต่อไป

บรูโน่ ได้รับหน้าที่ให้เป็นกัปตันทีมของ แมนฯ ยูไนเต็ด อย่างต่อเนื่องในพักหลัง แต่เกมลีกนัดล่าสุดที่ "ปีศาจแดง" แพ้ ลิเวอร์พูล 0-7 นั้น มีบางคนมองว่าเขาแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมกับตำแหน่งผู้นำของทีมจนทำให้เกิดการตั้งคำถามว่าเขาสมควรจะได้เป็นกัปตันทีมต่อไปหรือไม่

แรชฟอร์ด เผยว่า "ผมชอบการเล่นร่วมกับ บรูโน่ พวกคุณคงพอจะนึกภาพเกี่ยวกับเรื่องนั้นออกล่ะนะ เขาเป็นนักเตะที่เหมาะเจาะสำหรับการได้ร่วมงานด้วยกัน เขาเป็นผู้นำที่ดีของเราแม้กระทั่งตอนที่เขาไม่ได้สวมปลอกแขนกัปตันทีม ซึ่งนั่นเป็นสัญญาณที่ดีอยู่เสมอ"

"เขาช่วยทำให้นักเตะหลายคนเป็นผู้นำที่ดีกว่าเดิมได้ด้วย ในความเป็นจริงแล้วน่ะเราจะไม่มีทางเป็นทีมที่มีระเบียบที่ดีได้เลยถ้ามีคนที่มีคุณสมบัติสำหรับการเป็นกัปตันทีมแค่คนเดียว เขาทำหลายอย่างเพื่อเรา ผมไม่มีเรื่องแย่ๆ ที่จะพูดเกี่ยวกับ บรูโน่ ก็เหมือนอย่างที่ผู้จัดการทีมบอกนั่นแหละว่ามันไม่มีใครที่สมบูรณ์แบบ ผมสนับสนุนเขา และหนุนหลังเขา 100 เปอร์เซ็นต์เต็ม"

ไค รูนี่ย์ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ เวย์น รูนี่ย์ ตำนานกองหน้าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เชื่อมั่นตนจะได้เล่นให้กับทัพ "ปีศาจแดง" เหมือนกับคุณพ่อบังเกิดเกล้า ในอีก 10 ปีข้างหน้า

ลูกชายของ "รูน" วัย 13 ปีซึ่งเข้ารับการฝึกปรือฝีเท้ากับศูนย์ฝึกเยาวชนของแมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อปี 2020 กำลังพัฒนาฝีเท้าของตนเองอย่างต่อเนื่อง และมีแววที่จะเดินตามรอยเท้าคุณพ่อยอดนักเตะที่ก้าวขึ้นมาเป็นตำนานดาวซัลโวสูงสุดของสโมสร

เจ้าหนูไค เปิดใจเกี่ยวกับอนาคตการค้าแข้งว่า "หวังว่าอีก 10 ปีผมจะได้เล่นในศึกพรีเมียร์ลีกให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด นี่คือสโมสรที่ผมมองเห็นตัวเองว่าจะได้ลงเล่น แต่ผมจะทำให้มันเกิดขึ้นได้ก็ต้องทำงานหนักมาก และทุ่มเททุกอย่าง"

นอกจากนี้ ไค ยอมรับว่าคุณพ่อบังเกิดเกล้าเป็นแรงบันดาลใจที่สำคัญที่สุดในการเล่นฟุตบอล "ผมรู้ว่ามันอาจจะฟังค่อนข้างน่าเบื่อ แต่พ่อของผมช่วยเหลือผมให้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก และสอนผมมากมายเกี่ยวกับการเล่นฟุตบอล แม้แต่ตอนที่อยู่ในรถ และ ฟังท่านพูดกับพวกนักเตะตอนที่ท่านเป็นผู้จัดการทีม"

ขณะเดียวกันลูกชายคนโตของ รูนี่ย์ ยืนยันว่าเขาเป็นสาวกเอฟเวอร์ตัน เหมือนกับคุณพ่อ และไม่ได้เชียร์ แมนฯ ยูฯ แต่อย่างใด "ผมเชียร์เอฟเวอร์ตัน ผมรู้ว่าหลายๆ คนอาจคาดหวังว่าผมเชียร์แมนฯ ยูฯ แต่นั่นเป็นทีมของคุณพ่อ และผมก็มาจากที่นั่น ผมรัก แมนฯ ยูฯ เช่นกัน แต่ทีมในใจของผมก็คือเอฟเวอร์ตัน"

ทั้งนี้ รูนี่ย์ เติบโตมาจากการเป็นเด็กปั้นของ เอฟเวอร์ตัน ก่อนจะย้ายมาโด่งดังเป็นพลุแตกกับ แมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อปี 2004 พร้อมกับใช้เวลาอยู่ในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ถึง 13 ปีพร้อมกับคว้าแชมป์มากมาย รวมทั้งยังเป็นเจ้าของตำแหน่งดาวยิงตลอดกาล "ปีศาจแดง" ด้วยผลงาน 253 ประตูจาก 559 เกม

"มาดามแป้ง" เดินปรี่บุกไหว้เชิ้ตดำหลังจบแมตช์ท่าเรือเปิดรังพ่ายเมืองทอง 2-3 ก่อนร่ายยาวจากหัวใจโพสต์ลงเฟซบุ๊กยอมรับผลแพ้-ชนะ แต่แนะความยุติธรรมจะช่วยให้บอลไทยพัฒนา ยืนยันไม่ได้ประท้วงแค่ขอกำลังใจเท่านั้น แย้มท่าเรือเสียจุดโทษเยอะสุดในลีก แต่ได้น้อยสุดในลีกเช่นกัน

ควันหลงหลังจากการท่าเรือ เอฟซี เปิดบ้านแพ้ เมืองทอง ยูไนเต็ด 2-3 ในศึกไทยลีก 2022-23 นัดที่ 22 ที่สนามแพท สเตเดี้ยม เมื่อวันอาทิตย์ที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเกมดังกล่าวเกิดเรื่องราวต่างๆมากมาย โดยเฉพาะหลังจบเกมทาง "มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ ประธานสโมสรทัพ "สิงห์เจ้าท่า" เดินลงไปในสนามเข้าไปไหว้ผู้ตัดสิน วิศเวศ สังข์นคร ที่ทำหน้าที่ในเกมนี้

ต่อมา "มาดามแป้ง" ยังได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ก Madam Pang - มาดามแป้ง - นวลพรรณ ล่ำซำ ถึงเกมนี้ด้วยว่า "ยินดีกับ ทีมเมืองทองนะคะ ทั้งสองทีมเล่นกันอย่างเต็มที่ในเกมส์ ครึ่งแรกท่าเรือดี ครึ่งหลังเมืองทองดีมาก"

"สำหรับคนทำทีมฟุตบอล และรัก บอลไทยเข้าเลือด แบบพวกเรา 90 นาที พวกเราเล่นกันเต็มที่ เพราะต้องการชนะ และ ฟุตบอลก็มี 3 หน้าเสมอ คือ ชนะ แพ้ และ เสมอ พวกเรามีน้ำใจนักกีฬา ยอมรับในผลหลังเกมส์ แต่กรรมการก็มีส่วนสำคัญ ที่จะช่วยให้คนทำทีม และแฟนบอลเข้าใจว่าได้ทำหน้าที่ของตนอย่างเที่ยงธรรม"



"เพราะทุกวันนี้ ความยุติธรรมคือ สิ่งที่แป้งเชื่อว่า จะช่วยพยุงให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง มีความมั่นใจและพร้อมที่จะตั้งใจทำให้วงการฟุตบอลไทยมีพัฒนาการและเกิด กำลังใจแก่ผู้ที่รักฟุตบอลไทยนะคะ"

ปธ.แห่งถิ่นแพท สเตเดี้ยม ระบุปิดท้ายว่า "แป้งเขียนจากหัวใจ ไม่ได้จะประท้วงอะไร นานๆ ทีนะคะ อยากขอให้คนรักบอลอย่าง แป้งด้วย ปล. ฤดูกาลนี้ ท่าเรือเสียจุดโทษถึง 6 ครั้ง เยอะที่สุดในลีก และ ได้จุดโทษเพียง 1 ครั้ง น้อยที่สุดในลีก ก็ตามนั้นแหละค่ะ กราบจากใจ"

มิเกล อาร์เตต้า นายใหญ่ อาร์เซน่อล แสดงความภูมิใจในตัวลูกทีมจากการระเบิดฟอร์มเร่งเกมเอาชนะ บอร์นมัธ ได้อย่างเฉียดฉิว 3-2 ในศึก พรีเมียร์ลีก ที่สนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม เมื่อวันเสาร์ที่ 4 มี.ค. เก็บสามแต้มนำเป็นจ่าฝูงเหนือ แมนฯ ซิตี้ ห้าแต้มเท่าเดิม

อาร์เซน่อล ลงสนามหลังจาก เรือใบสีฟ้า เก็บสามแต้มไปก่อนแล้วจากการเปิดบ้านคว่ำ นิวคาสเซิ่ล 2-0 ในเกมคู่แรกของวัน และแม้จะโดน เดอะ เชอร์รีส์ ยิงประตูนำไปก่อนสองเม็ดในราวหนึ่งชั่วโมง แต่ขุนพล ท็อปกัน อาศัยเวลาครึ่งชั่วโมงที่เหลือรัวกระสุนรวดเดียวสามประตูแซงชนะได้โดยมี รีสส์ เนลสัน ตัวสำรองกระทุ้งประตูชัยได้อย่างเด็ดขาดในนาที 90+7

"มันบ้าบอตั้งแต่วินาทีแรก เราพยายามครองเกม เราต้องเข็นครกขึ้นภูเขา เรากระหายที่จะยิงประตูแรกก่อน แต่จากนั้นบรรยากาศก็เปลี่ยนไป รีสส์ เนลสัน ไม่ได้เล่นมากเพราะเจ็บ เขาลงไปสร้างบรรยากาศ มันเป็นประสบการณ์ที่เหลือเชื่อมากกับอารมณ์ร่วมของแฟนบอล"

"ผมจะจำวันนี้ไปอีกระยะ ผมรักความกล้าหาญ และบุคลิภาพของนักเตะซึ่งพวกเขาทำให้มันเกิดขึ้นจนได้"

"ผมแฮปปี้เป็นที่สุด มันเป็นความรู้สึกที่ลิงโลด และมีความสุข มันเป็นสถานการณ์ที่พิเศษ และมันต้องใช้เวลาจนถึงวินาทีสุดท้ายก่อนได้รับชัยชนะ" ผู้จัดการทีมสแปนิชเปิดปาก

"ผมภูมิใจในตัวนักเตะ พวกเขาไม่เคยย่อท้อ ไม่มีอะไรเหนือไปกว่านี้อีกแล้วที่เราได้แชร์โมเมนต์แบบนี้ด้วยกัน ผมดีใจไปกับ รีสส์ เนลสัน ด้วย"

"มันเป็นแค่อีกเกม และอีกสามแต้ม การชนะสามนัดรวดในสัปดาห์เดียวกัน (เลสเตอร์ , เอฟเวอร์ตัน , บอร์นมัธ) มีความสำคัญมาก เราต้องการเป็นจ่าฝูงให้นานที่สุด ยังมีเกมให้เล่นอีกมาก แต่วันนี้มีความงดงาม"

"คู่แข่งของเราเล่นได้ดี พวกเขาทำให้คุณลำบาก ตอนนี้เรามีเกม ยูโรปาลีก และยังมีอีกหลายเกมรออยู่ เราจำเป็นต้องทำให้ทุกคนเล่นได้อย่างดีที่สุด"

สเตฟาน บายเซติช ระบุ ตนมีใจให้กับ ลิเวอร์พูล เท่านั้นในตอนที่ย้ายออกจาก เซลต้า บีโก้ พร้อมยกให้เกมแดงเดือดเป็นเหมือน เอล กลาซิโก้ ของประเทศอังกฤษ

สเตฟาน บายเซติช กองกลางดาวรุ่งของ ลิเวอร์พูล ยอดสโมสรแห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ กล่าวว่าตอนที่ย้ายออกจาก เซลต้า บีโก้ นั้น ตนสนใจที่จะย้ายมาอยู่กับ "หงส์แดง" แค่ทีมเดียว แม้ว่าจะมีทีมอื่นๆ อย่างเช่น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เคยอยากได้ตนก็ตาม

บายเซติช เคยอยู่กับอะคาเดมี่ของ เซลต้า บีโก้ ระหว่างปี 2013-2020 ซึ่งช่วงนั้นเขาเล่นได้โดดเด่นมากๆ ก่อนที่ ลิเวอร์พูล จะดึงมาปลุกปั้นต่อ และพักหลังมานี้แข้งวัย 18 ปีก็ได้รับโอกาสลงเล่นอย่างต่อเนื่องรวมถึงทำผลงานได้ดีในระดับหนึ่งด้วย

หลังโดนถามถึงเกมระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ แมนฯ ยูไนเต็ด และเรื่องที่ว่าเขาเคยเป็นที่สนใจของหลายทีมแล้วนั้น บายเซติช ก็ตอบว่า "นี่เป็นเกม กลาซิโก้ เวอร์ชั่นอังกฤษเลย จริงไหมล่ะ ? มันเป็นเกมที่ใหญ่มากๆ ตอนนี้ผมอยู่กับ ลิเวอร์พูล แล้ว ผมก็แค่สนใจกับเรื่องนั้น และไม่อยากพูดเกี่ยวกับสโมสรอื่น แต่ก็ใช่ ตอนที่ผมได้ยินว่า ลิเวอร์พูล อยากเซ็นสัญญากับผมแล้วน่ะผมก็ไม่ได้คิดถึงทีมอื่นเลย นี่เป็นทีมเดียวที่ผมอยากมาอยู่ด้วย

แกรี่ เนวิลล์ กูรูคนดังออกปากเตือน แมนฯ ยูไนเต็ด อดีตสโมสรก่อนเกมแดงเดือดบุกไปเยือน ลิเวอร์พูล วันอาทิตย์นี้พร้อมแสดงทัศนะว่าทีมไหนจะเป็นฝ่ายมีชัย

แมนฯ ยูไนเต็ด จะกลับไปฟาดแข้งในศึก พรีเมียร์ลีก สุดสัปดาห์นี้หลังเอาตัวรอดผ่านเข้ารอบแปดทีมถ้วย เอฟเอคัพ ได้ด้วยการเปิดบ้านพลิกสถานการณ์แซงชนะ เวสต์แฮม 3-1 เมื่อวันพุธที่ผ่านมาโดยทีมของ เอริค เทน ฮาก จะบุกไปฉะกับ ลิเวอร์พูล คู่ปรับตัวฉกาจซึ่งหวังเก็บสามแต้มเช่นกันเพื่อลุ้นคว้าอันดับท็อปโฟร์

ต่อเกมที่ แอนฟิลด์ เนวิลล์ ในฐานะอดีตแบ็คขวาทีม ผีแดง ได้ออกโรงเตือนพลพรรค เร้ด เดวิลส์ ว่าจะต้องเผชิญกับอะไรในเกมบุกไปบู๊กับ หงส์แดง พร้อมแสดงความมั่นใจถึงทีมที่จะได้รับชัยชนะ

"ผมไม่ได้บอกว่านักเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นกังวลต่อการบุกไปเยือนที่นั่นในวันอาทิตย์ ทุกคนเคยเล่นที่ แอนฟิลด์ มาแล้ว และเป็นส่วนใหญ่หากไม่ใช่ทั้งหมด พวกเขารู้ดีว่ามันยากขนาดไหน และมันอาจพังได้" เนวิลล์ เอ่ยเมื่อ 2 มี.ค.

"แฟนบอลที่นั่นจะเล่นงานคุณอย่างหนัก และมันจะทำให้คุณลำบากในช่วงต้นเกม แมนฯ ยูไนเต็ด จะต้องเล่นในวันอาทิตย์นี้อย่างดีที่สุดเพื่อชนะ ลิเวอร์พูล ที่ฟอร์มยังไม่เสมอต้นเสมอปลาย"

แม้จะเอ่ยเตือนอดีตสโมสร แต่สุดท้าย เนวิลล์ ฟันธงว่า "ผมรู้สึกว่า ลิเวอร์พูล ชุดนี้จะโดนแมนฯ ยูไนเต็ด สร้างความบอบช้ำ"

เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือทีม เลสเตอร์ ซิตี้ เผยข่าวร้ายว่า ยูริ ตีเลอมันส์ กองกลางคนสำคัญมีอันต้องร้างสนามไปราวหกสัปดาห์เนื่องจากเจ็บข้อเท้า และส่งผลลบต่อทีมที่กำลังดิ้นรนหนีจากโซนอันตราย

ร็อดเจอร์ส นายใหญ่ เดอะ ฟ็อกซ์ กำลังประสบกับปัญหาหนักอกเพราะไม่เพียงสโมสรจะกลับมามีผลงานที่เลวร้ายอีกรอบ ตีเลอมันส์ สตาร์ทีมชาติ เบลเยี่ยม ยังมีปัญหาที่เอ็นข้อเท้าด้วย

กุนซือแห่งถิ่น คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม เผยว่า ตีเลอมันส์ บาดเจ็บจากเกม พรีเมียร์ลีก นัดเฝ้าบ้านแพ้ อาร์เซน่อล หวุดหวิด 1-0 โดยเขาลงเล่นเป็นตัวสำรองในนาทีที่ 62 แทน ตีเต้ และแม้จะอยู่ในสนามจนจบเกม แต่ก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องนัดแพ้ แบล็คเบิร์น คารัง 2-1 เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ร่วงตกรอบห้าถ้วย เอฟเอคัพ เรียบร้อยแล้ว

"ยูริ จะร้างสนามไปราวหกสัปดาห์ หกสัปดาห์เปรียบเหมือนหกเดือนเมื่อคุณเสียนักเตะคุณภาพ" บีร็อด เอ่ยหลังเกมแพ้ กุหลาบไฟ

"น่าเศร้าที่เขาเจ็บเอ็นข้อเท้า เขาจะกลับมาไม่ได้ก่อนเบรกเกมทีมชาติ"

อนึ่ง ถึงขณะนี้ เลสเตอร์ อยู่ห่างจากโซนตกชั้นแค่สามแต้มเท่านั้น และมีคิวบุกไปเยือน เซาธ์แฮมป์ตัน ในศึก พรีเมียร์ลีก วันเสาร์นี้ก่อนเปิดบ้านต้อนรับ เชลซี ที่มีผลงานย่ำแย่ไม่ชนะเลยตลอดหกเกมหลังของทุกรายการ

มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีมคนหนุ่มไฟแรงของ อาร์เซน่อล เปิดใจกรณีที่เกิดเหตุมีปากเสียงระหว่าง กาเบรียล มากัลเญส กับ วิลเลี่ยม ซาลิบา ในแมตช์ที่ "ปืนใหญ่" เฉือน เลสเตอร์ ซิตี้ 1-0 ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

มีการเปิดเผยคลิปที่สองคู่หูเซนเตอร์แบ็กทัพ "เดอะ กันเนอร์ส" มีปากเสียงกันภายในสนามหลังจบเกมที่ต้นสังกัดคว้าสามคะแนนสำคัญซึ่งทำให้พวกเขารักษาระยะห่างจาก "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สองคะแนนเท่าเดิม

สำหรับผลงานของ กาเบรียล และ ซาลิบา ที่ช่วยให้ อาร์เซน่อล เก็บคลีนชีตแรกในรอบ 7 เกมแต่การที่มีภาพทั้งสองคนทะเลาะกันทำให้หลายๆ คนเป็นห่วงเรื่องความสามัคคีภายในทีม และสิ่งนี้อาจจะส่งผลกระทบต่อสปิริตสำหรับการลุ้นแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดีสมัยแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2003/2004

เพื่อไม่ให้เกิดการมโนไปมากกว่านี้ อาร์เตต้า ยืนยันว่าแนวรับทั้งสองคนยังคงมีความสุขด้วยกัน แต่ปฏิเสธที่จะเผยรายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น หรือสาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุฉาวดังกล่าว "พวกเขารักที่จะเล่นร่วมกัน แต่พวกเขาก็เรียกร้องความยอมเยี่ยมของกันและกันด้วยเช่นกัน ซึ่งนั่นเป็นเรื่องดี ทุกๆ อย่างดีเยี่ยมมากๆ"

"ผมไม่อยากได้หุ่นยนต์ ผมอยากได้นักเตะที่มีความรู้สึก เต็มไปด้วยแรงปรารถนา ต้องการความยอดเยี่ยมจากกันและกัน มีเคมีที่เข้ากัน และแน่นอนว่าทั้งสองคนมีเคมีที่เข้ากันทั้งในและนอกสนาม ผมชอบที่แม้เราชนะ แต่พวกเขายังต้องการให้อีกฝ่ายทำผลงานให้ดีขึ้นกว่านี้"

ขณะที่ อาร์เซน่อล มีเกมอยู่ในมือ 1 แมตช์ซึ่งถ้าพวกเขาสามารถเอาชนะ เอฟเวอร์ตัน ในเกมลีกวันพุธที่ 1 มีนาคมนี้ จะทำให้ทีมทิ้งห่าง "เรือใบสีฟ้า" 5 แต้ม โดย อาร์เตต้า เปิดใจในเรื่องนี้ว่า "ในกรณีที่เราทำหลายๆ อย่างได้ดีกว่าที่เราทำตอนที่เราเล่นกับพวกเขาเมื่อ 2-3 สัปดาห์ก่อน เราก็มีสิทธิ์ที่จะคว้าชัยชนะ"

"หวังว่าวันพรุ่งนี้ (วันพุธ) เราจะเล่นได้ดีกว่าที่เราเล่นในวันนั้น แน่นอนว่า ฌอน (ไดซ์ กุนซือเอฟเวอร์ตัน) มีความชัดเจนกับสิ่งที่เขาทำ วันพรุ่งนี้เราจะเตรียมตัวสำหรับเกมนี้ให้เหมาะสม และเล่นในแนวทางที่เหมือนกับเกมที่ออกไปเยือน"

"เราต้องย้อนกลับไปดูหลายๆ เกมในสิ่งที่พวกเขาทำ และพยายามที่จะวางแท็กติกให้เหมาะสมเพื่อชนะพวกเขาให้ได้ รวมทั้งมีสภาพจิตใจและความคาดหวังแบบเดียวกันในสิ่งที่เราต้องการในเกมนี้" กุนซือชาวสแปนิช ระบุ

โจเซป กวาร์ดิโอล่า แสดงความยินดีที่ แมนฯ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ คาราบาว คัพ ได้ พร้อมบอกว่า "ปีศาจแดง" กลับมาอยู่ในจุดที่ควรจะเป็นแล้ว แต่ก็แอบจิกกัดว่าถ้าอีกฝ่ายใช้เงินเยอะกว่านี้ก็น่าจะมีลุ้นแชมป์ลีกมากขึ้น

โจเซป กวาร์ดิโอล่า ผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แสดงความยินดีกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ได้แชมป์ คาราบาว คัพ ไปครอง แต่ก็แอบจิกกัดอีกฝ่ายด้วยว่าถ้าใช้เงินมากกว่านี้ก็น่าจะมีลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ แบบเต็มตัวได้มากขึ้น

แมนฯ ซิตี้ มักจะถูกพาดพิงว่าเป็นทีมที่ใช้เงินเยอะเกินความจำเป็นจนถูกล้อเลียนอยู่บ่อยๆ ว่าใช้เงินซื้อความสำเร็จเป็นหลัก แต่หากนับเฉพาะช่วง 5 ปีหลังสุดนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด ใช้เงินกับการเสริมทัพเยอะกว่าพวกเขาอีก จากการที่ "ปีศาจแดง" ใช้ไป 685 ล้านปอนด์ (ประมาณ 28,770 ล้านบาท) ส่วน "เรือใบสีฟ้า" ใช้เงินไปราว 660 ล้านปอนด์ (ประมาณ 27,720 ล้านบาท)

กวาร์ดิโอล่า กล่าวว่า "ขอแสดงความยินดีกับ ยูไนเต็ด ด้วย สำหรับแชมป์ คาราบาว คัพ และต้องขอแสดงความยินดีกับ นิวคาสเซิ่ล เช่นกัน มันเป็นเกมที่สนุกมาก ไม่ช้าก็เร็วมันก็ต้องเกิดเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว (การที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้แชมป์) จริงไหมล่ะ ? มันควรจะเกิดขึ้นอยู่แล้ว"

พอโดนถามเพิ่มว่า แมนฯ ยูไนเต็ด จะก้าวขึ้นมาเป็นทีมที่มีลุ้นแชมป์ลีกอย่างเต็มตัวได้หรือไม่แล้วนั้น กวาร์ดิโอล่า ก็ตอบแบบจิกกัดขำๆ ว่า "ถ้าพวกเขาใช้เงินเยอะกว่านี้สักนิดก็ต้องบอกว่า ได้สิ! เพราะก่อนหน้านี้พวกเขาไม่ได้ใช้เงินเลย จริงไหม ?"

"ยังไงก็ตาม สถานการณ์ในตอนนี้มันก็ถือเป็นเรื่องปกติ พวกเขาอยู่ในจุดที่ควรจะเป็นแล้ว ความจริงก็คือ ลิเวอร์พูล กับเราน่ะทำผลงานได้น่าเหลือเชื่อในช่วงที่ผ่านมา แต่ตั้งแต่ที่ผมมาทำงานที่นี่ผมก็คิดอยู่เสมอว่า ยูไนเต็ด จะอยู่ในกลุ่มลุ้นแชมป์อยู่เสมอเมื่อพิจารณาถึงประวัติศาสตร์และทุกอย่าง แถมตอนนี้ เอริค ก็ทำงานที่น่าทึ่งได้ด้วย"

"มันเป็นสถานการณ์ปกติ ยูไนเต็ด ควรจะได้อยู่ในจุดนี้ พวกเขาเป็นคู่แข่งของเรามาโดยตลอด ในซีซั่นก่อนๆ เราทำได้ดีกว่าพวกเขา แต่ตอนนี้มันสูสีกันมากขึ้นแล้ว ผมมองว่าใน พรีเมียร์ลีก น่ะอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น"

มิเกล อาร์เตต้า กุนซือ อาร์เซน่อล ระบุ "ไอ้ปืนใหญ่" คอนโทรลเกมได้เกือบทั้งหมด นัดบุกเชือด เลสเตอร์ ซิตี้ 1-0 พร้อมชูสองแข้งที่เล่นได้อย่างโดดเด่น

มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีม อาร์เซน่อล กล่าวชื่นชมลูกทีม ที่สามารถควบคุมเกมได้เกือบทั้งหมด และเปิดโอกาสให้คู่แข่งมีลุ้นทำประตูแค่หนเดียวเท่านั้น หลังจากที่ "ไอ้ปืนใหญ่" บุกไปเอาชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ 1-0 ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา

นาทีที่ 27 เลอันโดร ทรอสซาร์ สามารถส่งบอลเข้าไปตุงตาข่ายอย่างสุดสวย ทว่า VAR ไม่ให้เป็นประตู เพราะมีจังหวะทำฟาวล์ก่อน อย่างไรก็ตาม อาร์เซน่อล มาได้ประตูชัยในนาทีที่ 46 จากการยิงของ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ซึ่งชัยชนะนัดนี้ทำให้ "ไอ้ปืนใหญ่" ที่รั้งตำแหน่งจ่าฝูง มีคะแนนเพิ่มเป็น 57 แต้ม จากการลงแข่ง 24 นัด หนี แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมอันดับสอง (มีคิวลงเตะคู่หลัง เยือน บอร์นมัธ) เป็น 5 แต้มชั่วคราว

"เราควบคุมเกมได้เกือบทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ ผมคิดว่าการเล่นและความเข้าใจเกมของเรา ถือว่ายอดเยี่ยมเลย เราแค่ขาดคุณภาพในการเล่นจังหวะสุดท้ายที่จะทำประตูเพิ่มเท่านั้น"

"มันยากที่จะยอมรับได้ สำหรับจังหวะที่เราโดนยึดประตู แต่การที่เราสามารถจำกัด เลสเตอร์ ให้มีโอกาสลุ้นทำประตูแค่หนเดียว มันเป็นอะไรที่เจ๋งมากๆ" กุนซือชาวสแปนิชวัย 40 ปี เปิดใจหลังเกม

นอกจากนี้ อาร์เตต้า ยังกล่าวยกความดีความชอบให้กับ ทรอสซาร์ และ จอร์จินโญ่ ที่เล่นได้อย่างโดดเด่นในเกมนี้ "พวกเขาเป็นสองผู้เล่นที่มีประสบการณ์ในลีกแห่งนี้, ฉลาด และเข้าใจในสิ่งที่เราต้องการ พวกเขามีศักยภาพที่จะเล่นในเกมระดับนี้สบายๆ"