ข่าว:

เล่นบาคาร่าออนไลน์กับค่าย AE SEXY เซ็กซี่บาคาร่าเขาดีจริงๆนะ

สมัครคาสิโนออนไลน์ UFA350 รวมทุกคาสิโนดัง เว็บซื้อหวยออนไลน์ HuayDragon ไม่อั้น รับทุกเลข
เว็บคาสิโนออนไลน์ JUAD888 สมัครเล่นรับโบนัส 60% เว็บแทงบอลออนไลน์ UFAZEED แทงบอลได้ทุกลีก
เว็บพนันบอลออนไลน์ UFABET350 เว็บตรงแทงบอล สมัครเล่นบาคาร่าออนไลน์ SAGAME66
เว็บคาสิโน บาคาร่า สล็อต SSGAME6666 เว็บตรงแทงบอล UFAC4 ค่าน้ำดีทุกคู่
ทางเข้าเว็บบาคาร่า SAGAME350 คาสิโนออนไลน์อันดับหนึ่ง ทางเข้าเล่นบาคาร่าออนไลน์ BACCARAT.GAME
เว็บบอร์ดพนันออนไลน์ รายใหญ่ของไทย เว็บคาสิโนออนไลน์รูปแบบใหม่ เล่นง่าย ไม่ต้องโยกเงิน

เมื่อ แมนซิตี้ ฆ่า ลิเวอร์พูล ไม่ตาย!

เริ่มโดย ผลบอลวันนี้, เม.ย 12, 2022, 12:14 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

ผลบอลวันนี้



วินาทีที่เห็น ริยาด มาห์เรซ ล็อกเข้าซ้ายลูกนั้น.. ใจผมหล่นไปที่ตาตุ่ม
    แม้มันจะเกิดขึ้นในครึ่งหลังที่เกมกลับมาดีขึ้นกว่าครึ่งแรกแล้วก็ตาม แต่มันก็เป็นวินาทีชี้เป็นชี้ตายนาทีสุดท้ายของช่วงทดเวลา

    ถ้าโดนยิงเข้าไปก็แพ้เลย กลับเมอร์ซี่ย์ไซด์มือเปล่าไม่มีคะแนนติดกลับไปด้วย

    มันเป็นหนึ่งในโอกาสมากมายที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โยนทิ้งในเกมหยุดโลกที่เอติฮัด สเตเดี้ยม

    เป็น 90 นาทีที่ทีมเรือใบสีฟ้าทำให้เห็นว่าเพราะอะไรพวกเขาถึงยังคงเป็นเต็งหนึ่ง

    เป็น 90 นาทีที่ซิตี้ทำให้เห็นว่าแม้กระแสและข่าวสารต่างๆ ในโลกโซเชียลจะเป็นของลิเวอร์พูลแทบทั้งหมด แต่ทีมที่ด้อยกว่าด้านเกียรติประวัติความสำเร็จอย่างพวกเขานี่แหละที่เป็นเบอร์หนึ่งในปัจจุบัน

    เกมแน่น แม่นยำ เซนส์ฟุตบอลสูง เล่นงานจุดบกพร่องของคู่ต่อสู้ นักเตะเกรดเอ และโค้ชที่ฉลาดไม่เคยหยุดเรียนรู้พัฒนาตัวเอง

    เป็น 90 นาทีที่แม้จะเอาชนะ เจอร์เก้น คล็อปป์ ไม่ได้ แต่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็ไม่ใช่ผู้แพ้แน่ เสียงตีมือฉาดใหญ่ของทั้งคู่หลังจบเกมแสดงถึงการยอมรับซึ่งกันและกันอย่างที่สุด



กระนั้น.. เบอร์หนึ่งก็ใช่ว่าจะไม่มีวันหล่นมาเป็นที่สอง การเอาชนะลิเวอร์พูลไม่ได้ในเกมที่ตัวเองมีโอกาสมากมายนี่แหละอาจเป็นการเปิดช่องให้แล้วสำหรับแมนเชสเตอร์ ซิตี้

    ผลเสมอในเกมนี้คือการเสียสองคะแนนสำหรับซิตี้ และเป็นหนึ่งแต้มใหญ่ของลิเวอร์พูล

    มันเป็นอย่างนั้นชัดเจน

    ซิตี้ลงโทษลิเวอร์พูลไม่ได้มากกว่านั้นทั้งที่ควรจะทำได้ในครึ่งแรกที่เกมของหงส์แดงปั่นป่วนอย่างหนักไม่สามารถรับมือกับบอลวางข้ามแนวรับของจ่าฝูงได้เลย

    ทีมเรือใบสีฟ้าเคลื่อนเกมขึ้นมาแต่ละที เข้าทำแต่ละดอก หัวใจเดอะค็อปล้วนเต้นระทึกเป็นรัวกลอง

    ไม่ต้องเสียเวลาเซ็ตบอลหาช่องเหมือนที่ทำกับทีมอื่นๆ ที่มาเน้นตั้งรับแน่นหน้าเขตโทษ ซิตี้โจมตีทุกช่องว่างและพื้นที่โล่งด้านหลังที่ลิเวอร์พูลเปิดให้ราวเชื้อเชิญได้แบบถึงใจที่สุด บอลหลุดเข้าเขตโทษได้ทุกครั้งเหลือเพียงแค่จังหวะสุดท้ายส่งบอลผ่านมือ อลีสซง เบ็คเกอร์ ให้ได้เท่านั้น

    ซิตี้ทำได้จริง แต่ทำได้เพียงแค่สองครั้งจากโอกาสชัดเจนไม่ต่ำกว่า 4-5 ครั้ง

    เห็นเกมในช่วงกว่าครึ่งชั่วโมงแรกโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลัง กาเบรียล เชซุส ยิงให้ซิตี้นำอีกครั้งเป็น 2-1 แล้ว ผมภาวนาให้ครึ่งแรกจบลงเร็วๆ เพื่อเบรกโมเมนตัมของซิตี้และเพื่อให้คล็อปป์ได้แก้เกมในห้องแต่งตัว



ลุ้นให้สกอร์ไม่ไหลไปกว่านี้ ตาม 1-2 ยังไม่ไกลเกินไปนักแม้ใจลึกๆ จะยังวิตกเป็นบ้าว่าครึ่งหลังจะไหวไหมเมื่อนึกภาพฝันร้ายที่เพิ่งจะได้เห็นมาหมาดๆ ที่เกมรับของทีมโดนความดุดันในเกมรุกของซิตี้เล่นงานอ่วมอรทัย

    ประมาณว่ารู้แหละครับที่ได้ระฆังช่วยเอาไว้ แต่ไม่กล้าวางใจได้เลยว่าคล็อปป์จะแก้เกมจนทีมกลับมาได้ในครึ่งหลัง ด้วยความอลหม่านมันมากเกินไป

    แต่ก็นั่นแหละครับ ฟุตบอลเป็นเกมของสองครึ่งเวลา รูปเกมในครึ่งแรกไม่จำเป็นต้องเหมือนกับครึ่งหลัง ไม่อย่างนั้นจะมีช่วงพักครึ่งให้คนเป็นโค้ชแก้เกมทำไม

    ลิเวอร์พูลกลับลงมาในครึ่งหลังด้วยสมาธิที่แน่วแน่กว่าเดิมในเกมรับ ผู้เล่นทุกแดนขยับตัวเร็วขึ้นบี้ชิดนักเตะซิตี้ไม่ให้เล่นง่ายๆ

    เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่เป็นเป้าโจมตีเป้าใหญ่ในครึ่งแรกตื่นตัวขึ้น ระวังตัวสอดที่แอบมาจากด้านหลังมากขึ้น ขยับตัวดักบอลโยนตัดหลังได้เร็วขึ้น

    มีอยู่จังหวะหนึ่งที่ผมชอบมากสำหรับเทรนต์ในครึ่งหลังคือตอนที่ กาเบรียล เชซุส ได้บอลทะลุเข้าเขตโทษฝั่งแอนดี้ โรเบิร์ตสัน แต่เทรนต์วิ่งบังทางไม่ให้ ฟิล โฟเด้น ที่อยู่เสาไกลมีช่องเลย กองหน้าชาวบราซิลจึงเหลือทางออกเดียวคือยิงเองซึ่งบอลเข้าข้างตาข่าย

    เทรนต์ละเอียดขึ้นและดีขึ้นชัดเจนในครึ่งหลัง เป็นนักเตะที่ผลงานครึ่งแรกกับครึ่งหลังสวิงสุดโต่งที่สุดแล้วในเกมนี้



ผมคิดว่าคล็อปป์กระตุ้นลูกทีมได้ดีทีเดียวในช่วงพักครึ่ง เขาแก้ไขจุดบกพร่องจากครึ่งแรกได้ดี เกมในครึ่งหลังลิเวอร์พูลจึงแน่นอนขึ้น มีโอกาสมากขึ้น ป้องกันได้รัดกุมขึ้น แม้จะไม่ได้พลิกกลับมาเหนือกว่าแต่ก็ไม่เป็นรองสุดกู่อย่างครึ่งแรก

    มีจังหวะสำคัญๆ หลายครั้งในเกมนี้ ประตูตีเสมอ 2-2 ของ ซาดิโอ มาเน่ ก็สำคัญเหลือหลาย มันเกิดขึ้นในเวลาที่แมนฯ ซิตี้ ยังไม่ทันตั้งหลักในช่วงต้นครึ่งหลัง กระชากเกมให้กลับมาเท่ากันอีกครั้ง หรือจะเป็นประตูของ ราฮีม สเตอร์ลิง ที่ถูก VAR ริบ รวมทั้งเหตุการณ์ชี้เป็นชี้ตายในนาทีสุดท้ายที่ลิเวอร์พูลเอาบอลไปป้วนเปี้ยนหน้าเขตโทษของซิตี้แต่จ่ายบอลเสี่ยงโดนตัดได้แล้วไปจบที่โอกาสทองของมาห์เรซ

    หัวใจเดอะค็อปบางคนยังเตลิดเปิดเปิงไม่กลับมาเข้าที่จนถึงเวลานี้

    และแล้วเมื่อทุกอย่างผ่านพ้นไป แฟนบอลลิเวอร์พูลก็ได้พบว่า มันคือเกมที่ทีมได้ผลลัพธ์น่าพอใจที่สุดแล้ว

    ไม่แพ้ในเกมที่น่าแพ้ แคแร็กเตอร์ยังโดดเด่น สปิริตยังดีเยี่ยม เลือดนักสู้ก็ยังไหลพล่านไปทั่วตัว

    เทรนต์ผ่านให้โชต้ายิง ซาลาห์ผ่านให้มาเน่ยิง ฟาน ไดค์บังเหลี่ยมสเตอร์ลิงมิด อลีสซงยังไว้ใจได้ คล็อปป์แก้เกมได้ผล

    แล้วผมก็ยังพอใจ ติอาโก้ อัลกันตาร่า เหมือนเดิม ตอนนี้สภาพร่างกายเขาสมบูรณ์เต็มที่และก็น่าจะปรับตัวเข้ากับพรีเมียร์ลีกได้แล้ว หลายเกมแล้วนะครับที่ติอาโก้ไม่มีจังหวะทำฟาวล์โฉ่งฉ่างเพราะเข้าบอลช้าอย่างช่วงที่เพิ่งมาใหม่ๆ ให้เห็นแล้ว ถ้าจะฟาวล์คือตั้งใจทำฟาวล์เลยเพื่อตัดเกมโต้กลับของคู่แข่ง

    และบอลจากเท้าของเขาก็ยังคงเต็มไปด้วยคุณภาพ เป็นมิติที่แตกต่างและเป็นอาวุธสำคัญจากแดนกลางของทีม

หนึ่งคะแนนที่นำอยู่นั้นหมายความว่าแชมป์ที่ครองอยู่อาจกระเด็นหลุดมือได้ง่ายๆ ด้วยความผิดพลาดแค่เกมเดียว แรงกดดันยังไม่ถูกปลดทิ้งจากบ่าตลอด 7 เกมที่เหลือ

    ผมพูดอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่าลิเวอร์พูลจะแซงแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปเป็นแชมป์ได้แน่ๆ นะครับ เอาเข้าจริงโอกาสเป็นแชมป์ของลิเวอร์พูลเหลือน้อยลงด้วยซ้ำเพราะยังไล่ตามอยู่เหมือนเดิมแต่เกมเหลือน้อยลงแถมยังไม่มีเกมที่จะตัดแต้มซิตี้ด้วยตัวเองอีกแล้ว

    ประมาณว่าก่อนเตะโอกาสระหว่างซิตี้กับลิเวอร์พูลอยู่ที่สัก 55 ต่อ 45 เปอร์เซนต์ หลังเตะอาจจะเป็น 60-40 หรือ 65-35

    แต่ 35-40 เปอร์เซนต์ก็ยังดีกว่า 5 หรือ 10 เปอร์เซนต์ในกรณีที่แพ้ในเกมนี้อยู่เยอะ

    ถามว่ายากไหม.. ยากอยู่แล้ว แต่หมดหวังไหม.. ไม่มีทาง

    บางคนอาจจะบอกว่ามันจบแล้วเพราะโปรแกรมเตะที่เหลือของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ง่ายกว่า สำหรับผมไม่เคยคิดอย่างนั้นเลยเมื่อได้เห็นคู่แข่งที่พวกเขาเคยพลาดเอาชนะไม่ได้

    3-4 ฤดูกาลที่ผ่านมามันก็ทีมที่คาดไม่ถึงทั้งนั้นที่ไม่แพ้ซิตี้หรือถึงขั้นยัดเยียดความปราชัยให้

    เซาธ์แฮมป์ตัน คริสตัล พาเลซ เบิร์นลี่ย์ ไบรท์ตัน นอริช ลีดส์ เวสต์แฮม เวสต์บรอมวิช ฮัดเดอร์สฟิลด์ วูล์ฟแฮมป์ตัน นิวคาสเซิ่ล สโต๊ค ซิตี้..

    ทีมเหล่านี้ต่างก็เคยหยุดซิตี้มาได้แล้วทั้งนั้น บางทีมหนึ่งเกม บางทีมก็มากกว่าหนึ่งเกม ดูเผินๆ เหมือนไม่น่าเชื่อแต่มันเกิดขึ้นจริง



แน่นอนอยู่แล้วเราพูดกันบนพื้นฐานที่ว่าลิเวอร์พูลเองต้องไม่พลาดใน 7 นัดสุดท้ายของตัวเองเช่นกัน ความยากของภารกิจนี้อยู่ตรงที่ในเงื่อนไขที่ลิเวอร์พูลทำได้ดีที่สุดคือชนะทั้ง 7 นัดที่เหลืออยู่ ยังต้องลุ้นให้ซิตี้พลาด 1 เกม

    เหย้า ไบรท์ตัน วัตฟอร์ด นิวคาสเซิ่ล แอสตัน วิลล่า

    เยือน ลีดส์ ยูไนเต็ด วูล์ฟแฮมป์ตัน เวสต์แฮม..

    เกมไหนก็ได้หนึ่งเกม

    แต่ถ้าลิเวอร์พูลพลาด ก็ต้องบวกจำนวนเกมที่พลาดนั้นเข้าไปให้ซิตี้ด้วย ถ้าลิเวอร์พูลพลาด 1 เกมก็ต้องลุ้นให้ซิตี้พลาด 2 เกม ถ้าลิเวอร์พูลพลาด 2 เกมก็ต้องลุ้นให้ซิตี้พลาด 3 เกม

    นั่นล่ะครับความยาก เราจึงพูดกันบนพื้นฐานของเงื่อนไขที่ว่าลิเวอร์พูลจะต้องไม่พลาดอีกเลยในโปรแกรมที่เหลือ

    เหย้า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอฟเวอร์ตัน สเปอร์ส วูล์ฟแฮมป์ตัน

    เยือน นิวคาสเซิ่ล แอสตัน วิลล่า เซาธ์แฮมป์ตัน

    ต้องไม่พลาดอีกเลย..

    โดยส่วนตัวนั้น ผมรู้สึกอย่างนี้มาพักใหญ่แล้วครับว่าฤดูกาลนี้อาจเป็นการขับเคี่ยวกันเหมือนช่วง 9 นัดสุดท้ายของฤดูกาล 2018/19 ที่ทั้งแมนฯ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล ต่างไม่มีใครยอมกันเลย



คุณชนะก่อน ผมชนะตาม.. ผมชนะก่อน คุณชนะตาม ความกดดันสลับโยนให้แก่กันทุกสัปดาห์แต่ไม่มีทีมไหนพลาดเลย ทั้งสองทีมชนะทั้ง 9 นัดนั้นด้วยกันทั้งคู่ (ซิตี้ชนะรวด 14 เกมสุดท้าย ลิเวอร์พูลชนะรวด 9 นัดสุดท้าย)

    เป็นอย่างนี้ตลอด 9 นัดสุดท้ายของฤดูกาลซึ่งผลลงเอยด้วยตำแหน่งแชมป์ของแมนฯ ซิตี้ 98-97 แต้ม มันคือหนึ่งในการขับเคี่ยวแย่งแชมป์ที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา จะบอกว่าดีที่สุดในเชิงคุณภาพของคู่แข่งขันแย่งแชมป์ก็คงไม่ผิด

    ฤดูกาลนั้นลิเวอร์พูลเตะทั้งซีซั่นแพ้แค่นัดเดียว ชนะ 17 เสมอ 3 จาก 20 เกมแรก มีช่วงเข้าเบรกชนะรวด 6 นัดหนึ่งครั้ง ชนะรวด 9 นัดอีกสองครั้ง โกย 97 คะแนนมากที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร ณ เวลานั้นก็ยังอุตส่าห์ไม่ได้แชมป์

    คราวนี้มันทำท่าจะเป็นอย่างนั้นอีก ถ้าอะไรๆ เป็นใจเราอาจจะได้เห็นการเข้าเบรกชนะของทั้งสองทีมในช่วงทางตรงสุดท้ายก่อนเข้าเส้นชัยอีกครั้ง

    ผมทั้งอยากเห็นและไม่อยากเห็นในเวลาเดียวกัน..

    อยากเห็นเพราะยังทึ่งและประทับใจในการต่อสู้ไม่ลดละของทั้งสองทีมเวลานั้น

    ไม่อยากเห็นเพราะแน่ล่ะครับ ถ้ามันเกิดขึ้นจริง ฤดูกาลนี้จะไปสิ้นสุดที่ 95-94 คะแนน และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ป้องกันแชมป์ได้สำเร็จ

    เอาเป็นว่าอยากเห็น แต่คราวนี้ขอความไม่สมบูรณ์แบบบ้าง

    เกมไหนก็ได้หนึ่งเกม..

    กับคู่ต่อสู้ระดับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขอแค่เกมเดียวยังอาจจะมากเกินไป แต่ลิเวอร์พูลบอกกับแฟนบอลของพวกเขามาตลอดว่าจงอย่าละทิ้งความหวัง

    ตราบใดที่เสียงนกหวีดหมดเวลายังไม่ดังขึ้น จงอย่าคลายศรัทธาในทีมและอย่ายอมแพ้ ฟ้าสดใสพร้อมเปิดให้กับเราเสมอ

    เข้าสู่ 7 เกมสุดท้ายของฤดูกาลกับหนึ่งคะแนนที่ตามหลัง ลิเวอร์พูลยังไม่หมดหวังและจะไม่ทิ้งความหวังแน่ๆ ยังมีลุ้นเต็มตัวอย่างนี้จะรีบยอมแพ้ได้ไง

Similar topics (5)


สมัครเล่นสล็อต JOKER GAMING รับโบนัส 60% ทันที เล่นสล็อตออนไลน์ PGSLOT แจกฟรีสปิน เว็บพนันออนไลน์ GAME350 ดีที่สุด ค่าย SA GAMING แบรนด์เกมที่นิยมที่สุดในไทย สมัครเล่นบาคาร่า AE SEXY รับโบนัส 50% ฟรี