[ผลบอลวันนี้]

นักฟุตบอลหลายคนต้องพังพินาศกับเรื่องเซ็กซ์มาแล้ว แต่ยังมีพ่อค้าแข้งบางคนที่รู้สึกว่าเรื่องใต้สะดือไม่สำคัญกับชีวิตมากนัก เพราะพวกเขาให้ค่ากับความสวยงามในเกมลูกหนังมากกว่าเรือนร่างของอิสตรี
    เหตุผลสำคัญที่นักเตะเหล่านั้นมีความสุขกับการช่วยทีมให้คว้าชัยชนะถือเป็นจุดไคลแม็กซ์ที่ทำให้พวกเขาได้ปลดปล่อยสารเอ็นโดฟินมากกว่าการได้เริงระบำกับภรรยาหลายเท่า

    ลองมาดูกันว่ามีนักฟุตบอลในอดีต และปัจจุบันคนไหนบ้างที่ยอมโดนแม่ยอดขมองอิ่มควักใบแดงไล่ออกจากเตียงด้วยข้อหาไม่ทำ "การบ้าน" เพราะมัวแต่หมกมุ่นอยู่กับฟุตบอลมากเกินไป

เคราร์ด ปิเก้



หากพูดกันแบบแฟร์ๆ เคราร์ด ปิเก้ ไม่ได้ลั่นวาจาแบบตรงๆ ว่าเขาชอบฟุตบอลมากกว่าเซ็กซ์ แต่สิ่งที่เขาพูดเพราะต้องการข่มแฟนบอลเอสปันญ่อลด้วยการอ้างเรื่องบนเตียงกับ ชากีร่า ภรรยาป็อบสตาร์ของเขา

    "ผมชอบไปที่นั่น (สนามเหย้าเอสปันญ่อล) ผมมักจะได้ยินเสียงโห่ตลอดเวลา" ปราการหลังบาร์เซโลน่า เปิดใจ กรณีที่ต้องเดินทางไปเยือน เอสปันญ่อบ คู่อริร่วมแคว้นคาตาลัน

    "คุณได้หัวเราะและแฟนบอลก็แทบบ้าคลั่ง ผมอยากบอกว่ามันดีกว่าการมีเซ็กซ์ซะอีก ผมมีความสุขมากกว่าเวลาต้องเผชิญหน้ากับ เรอัล มาดริด ซะอีก" เซนเตอร์แบ็กทีมชาติสเปน กล่าว

    บรรดาแฟนเพลงทั่วโลกคงรู้ว่า ชากีร่า เป็นหนึ่งในศิลปินสาวสุดเซ็กซี่ และเป็นที่หมายปองของหนุ่มๆ ทั่วโลก ฉะนั้นคำพูดที่ ปิเก้ บอกว่าเกมลูกหนังสำคัญกว่าเซ็กซ์คงจะแค่ล้อเล่น ไม่งั้นเสียดายของสุดๆ

เซร์คิโอ บุสเกสต์



มีคำถามว่าคุณชอบดูฟุตบอล หรืออยากมีเซ็กซ์ ? ถ้าเป็นคนปกติทั่วไปคำตอบก็ต้องเป็นอย่างหลังแน่นอน แต่นั่นอาจจะไม่ใช่คำตอบของ เซร์คิโอ บุสเกสต์ เพราะเขาให้ความสำคัญกับลูกกลมๆ ที่อยู่ในสนามหญ้า มากกว่าเนินสวาทและปทุมถันบนเตียง 6 ฟุต

    "โลกฟุตบอลคุณจะอิ่มเอมกับความสุขไป 3-4 วัน ตรงกันข้ามกับเซ็กซ์ที่ให้ความสุขแค่นาทีเดียวเท่านั้น" บุสเกสต์ กล่าวเอาไว้เมื่อปี 2015 "หลังจากที่คุณเล่นได้แย่สุดๆ คุณกลับไปบ้าน ปิดประตูเงียบ และไม่อยากออกไปไหน 3-4วัน"

    เรื่องนี้ไม่ใช่แค่จากปากของ บุสเกสต์ เท่านั้น เพราะ ปิเก้ เพื่อนร่วมสังกัดของนักเตะ ออกมาชูมือสุดแขนยืนยันว่ากองกลางวัย 33 ปีรักฟุตบอลมากกว่าร่วมรักกับหวานใจ "เขาชอบจุดไคลแม็กซ์ที่น่าตื่นเต้นในสนามมากกว่าการถึงจุดสุดยอดบนเตียงซะอีก"

อันเดรีย ปีร์โล่



อีกหนึ่งตำนานนักฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติอิตาลี แถมพอแขวนสตั๊ดก็หันไปเอาดีในการสานต่อธุรกิจโร่งกลั่นเหล้าไวน์ของครอบครัว ฉะนั้นมีความเป็นไปได้ที่เขารู้สึกว่าการได้ทำงานมันช่วยหลั่งสารแห่งความสุขมากกว่าการทำสงครามใต้สะดือด

    "การได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมมันทำให้ผมรู้สึกดีมากๆ" ตำนานจอมทัพ ยูเวนตุส และ เอซี มิลาน เขียนเอาไว้ในหนังสืออัตชีวประวัติของเขาเมื่อปี 2013 มันดีกว่าการมีเซ็กซ์ซะอีก"

    "ถ้ามีใครสักคนอย่าง อันโตนิโอ คาสซาโน่ ที่บอกว่าเขานอนกับผู้หญิงมากกว่า 700 คน แต่เขาไม่ได้ถูกเลือกให้ติดทีมชาติอิตาลีอีกต่อไป เขามีความสุขจริงหรือเปล่า ? ผมก็ไม่รู้นะ" ปีร์โล่ ระบุ

    ม่รู้ว่าการที่ ปีร์โล่ มีแนวคิดแบบนี้หรือเปล่าถึงทำให้ชีวิตคู่ของเขากับ เดโบราห์ โรเวอร์ซี่ ต้องพังไม่เป็นท่า เพราะ อดีตกุนซือยูเวนตุส จบชีวิตรัก 12 ปีกับเธอเมื่อปี 2014 

โรนัลโด้



ตำนานกองหน้าทีมชาติบราซิลอย่าง โรนัลโด้ เปรียบเทียบการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกเป็นอะไรที่เหนือกว่าการมีเซ็กซ์ โดยคำพูดดังกล่าวเจ้าตัวเป็นคนลั่นวาจาออกมาเอง หลังสวมบทฮีโร่ซัด 2 ประตูในเกมนัดชิงปี 2002 ที่เกาหลีใต้-ญี่ปุ่น

     "ผมไม่คิดว่าเรื่องเพศสัมพันธ์มันจะคุ้มค่าเท่ากับการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกหรอก เซ็กซ์ไม่ได้สุดยอดขนาดนั้นแต่ว่าฟุตบอลโลกมัน 4 ปีมีครั้งเท่านั้น แต่การเล่นผีผ้าห่มมันทำได้บ่อยๆ มากกว่า"

    ขณะเดียวกัน "อ้วนพลิ้ว" ให้ความเห็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับการมีเซ็กซ์ก่อนเกม เพราะบางครั้งการเล่นเสียวมันไม่ได้จบแค่ครั้งเดียวแล้วอิ่มเอม แต่อาจจะมีต่อยก 2, 3, 4 จนกระทั่งพอใจ ซึ่งแบบนั้นจะส่งผลเสียมากกว่าผลดี

แกรี่ ลินิเกอร์



ตำนานดาวยิงทีมชาติอังกฤษ ให้ความสำคัญกับฟุตบอลมากกว่าเซ็กซ์หลายเท่า โดยเขายอมรับการยิงประตูในสนามมันเป็นอะไรที่ดีกว่าการยิงประตูของอิสตรีหลายเท่า

    "สิ่งเดียวที่คุณไม่มีทางหาอะไรมาทดแทนได้คือการทำประตูที่สำคัญๆ ได้หลายคนมักจะพูดเรื่องงี่เง่าอย่าง -โอ้ มันดีกว่าการมีเซ็กซ์อีกงั้นเหรอ ?- คือจริงอยู่ว่าคุณไม่สามารถมีเซ็กซ์ได้ทุกเมื่อ แต่ในบางช่วงคุณจะรู้ว่าคุณจะมีเซ็กซ์แน่ๆ ในทางตรงกันข้าม คุณไม่มีวันรุ้ว่าคุณมีโอกาสที่จะทำประตูได้อีกครั้งหรือไม่"

    "ที่จริงการที่ เลสเตอร์ ทำประตูชัยในเกม เอฟเอ คัพ นัดชิงชนะเลิศของฤดูกาลก่อนได้น่ะมันก็ถือเป็นเรื่องที่รู้สึกดีกว่าการมีเซ็กซ์เหมือนกัน มันตราตรึงอยู่ในใจของคุณนานกว่า มันทำให้คุณรู้สึกเคลิบเคลิ้มมากกว่า" ลินิเกอร์ กล่าว โดยยกกรณีที่ เลสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ในปี 2021