(https://static.siamsport.co.th/news/2022/07/11/news202207110329574.jpg)
สโมสรรู้ว่าเมื่อไหร่ที่ควรปล่อยผู้เล่นสำคัญออกไปพอๆ กับการรู้ว่าควรจะรั้งนักเตะคีย์แมนคนไหนเอาไว้กับทีม เพราะบางครั้งเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ทีมจำเป็นต้องตัดสินใจที่จะให้แข้งบางคนออกไปหาความท้าทายใหม่
ลองนึกย้อนกลับไปมีหลายทีมที่ปล่อยนักเตะสำคัญของสโมสรออกไป แน่นอนว่าแฟนบอลอาจไม่เข้าใจการกระทำดังกล่าว แต่สโมสรย่อมมีเหตุผลที่ทำแบบนั้น ซึ่งทำให้พวกเขาสามารถรักษาผลประโยชน์ของทีมเอาไว้ได้
เนื่องจากการเก็บผู้เล่นบางคนเอาไว้ แต่ไม่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่ สู้ยอมปล่อยตัวไปให้กับสโมสรอื่นดีกว่า ซึ่งเป็นการลดต้นทุนของสโมสร แถมบางคนยังทำรายได้ให้กับทีมมหาศาลซะด้วย
พาร์ค ชี-ซอง
(https://static.siamsport.co.th/files/images/gettyimages-1249500500-594x594.jpg)
"อาพาร์ค" ถือเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญของ แมนฯ ยูฯ ในช่วงท้ายอาชีพกุมบังเหียนของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน โดยเขาลงเล่นให้กับสโมสรมากกว่า 200 เกม ตลอดช่วง 7 ปีในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด และมีส่วนช่วย "ผีแดง" คว้าแชมป์มากมายรวมทั้งพรีเมียร์ลีก 4 สมัย กับยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 สมัย
ตอนที่นักเตะย้ายออกจาก แมนฯ ยูไนเต็ด ดูเหมือนว่าช่วงเวลาในการเล่นเกมลีกสูงสุดเมืองผู้ดีของเขาหมดไปแล้ว เพราะหลังจากที่ไปอยู่กับ "คิวพีอาร์" นักเตะต้องเจอกับอาการบาดเจ็บรบกวน ทำให้ได้ลงเล่นเกมลีก 20 แมตช์แถมทีมก็ต้องดิ้นรนหนีการตกชั้น
สำหรับ แมนฯ ยูไนเต็ด พวกเขาใช้งาน ชี-ซอง คุ้มค่ากับเม็ดเงินที่จ่ายให้กับ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น แล้ว และการขายแข้งชาวเกาหลีใต้ออกไปก็ไม่ได้ค่าตัวมากตัว แต่กระนั้นพวกเขานี่เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่ควรปล่อยเจ้าตัวออกไป ดีกว่าทู่ซี้เก็บเอาไว้จนอาจทำให้ทีมต้องแบกภาระด้านการเงินเปล่าๆ
ฟิลิปเป้ คูตินโญ่
(https://static.siamsport.co.th/files/images/gettyimages-1357782346-594x594(2).jpg)
คูตินโญ่ ถือเป็นหนึ่งในผู้เล่นขวัญใจของแฟนบอลลิเวอร์พูลอย่างมาก แต่ด้วยความที่ในเวลานั้น "หงส์แดง" ไม่ค่อยได้ลุ้นความสำเร็จมากนักทำให้นักเตะต้องมองหาอนาคตใหม่เพื่อสร้างเกียรติประวัติให้กับตัวเอง
เพลย์เมกเกอร์ชาวบราซิเลียน มีข่าวพัวพันกับ บาร์เซโลน่า อย่างหนักก่อนที่นักเตะจะได้ย้ายทีมสมใจในเดือนมกราคม 2018 โดยตอนนั้น "คูตี้" สามารถทำเงินให้กับ "หงส์แดง" ได้ถึง 142 ล้านปอนด์ (ราว 6,248 ล้านบาท) เลยทีเดียว
จอมทัพเลือดแซมบ้า ต้องเจอกับสถานการณ์ที่แสนยากลำบากในการเล่นที่ถิ่นคัมป์ นู โดยไม่ได้เป็นตัวหลักของทีม บางครั้งก็โดนดร็อปจนสุดท้ายถูกส่งไปเล่นยืมตัวกับ บาเยิร์น มิวนิค และแอสตัน วิลล่า ส่วนปัจจุบันได้เซ็นสัญญาถาวรกับทีมของกุนซือสตีเว่น เจอร์ราร์ด แล้ว
ส่วน ลิเวอร์พูล ต้องบอกเลยว่าพวกเขาขาย คูตินโญ่ ในช่วงเวลาที่เหมาะสมเพราะได้เงินค่าตัวมหาศาลเอาไปเสริมทัพ แถมพอไม่มีเขาทีมคว้าแชมป์มากมาย รวมทั้ง พรีเมียร์ลีก และ แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นต้น
ธีโอ วัลค็อตต์
(https://static.siamsport.co.th/files/images/gettyimages-1256268774-594x594.jpg)
อาร์เซน่อล ถือเป็นอีกสโมสรที่ขายนักเตะได้ถูกเวลา โดยตอนนั้นพวกเขาได้เงินค่าตัวจากการปล่อย วัลค็อตต์ ประมาณ 20 ล้านปอนด์ (ราว 880 ล้านบาท) เมื่อเดือนมกราคม 2018 หลังใช้งานนักเตะจนคุ้มค่าแล้ว
วัลค็อตต์ ถือเป็นแข้งตัวหลักทัพ"ไอ้ปืนใหญ่" แต่หลังๆ เขาไม่ได้อยู่ในฟอร์มโดดเด่นเหมือนก่อน โดยเฉพาะช่วงที่ลงเล่นเต็มฤดูกาล 2016/2017ก็ยิงได้แค่ 19 ลูกจากทุกรายการ ขณะที่ซีซั่นถัดมาได้ลงเล่นแค่ครึ่งฤดูกาลยิงไปแค่ 4 ลูกเท่านั้น ก่อนจะโดนขายให้กับ เอฟเวอร์ตัน ในช่วงตลาดนักเตะรอบ 2 เดือนม.ค.
ตลอดระยะเวลาที่อยู่กับ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" ดาวเตะเลือดผู้ดี ฟอร์มกระท่อนกระแทนอย่างมาก โดยยิงได้แค่ 19 ประตูตลอดระยะเวลา 4 ปีครึ่ง จากนั้นก็โดนส่งไปเล่นกับ เซาธ์แฮมป์ตัน ต้นสังกัดที่ปลุกปั้นแบบยืมตัวและค่อยย้ายถาวร แต่ก็ไม่ได้กลับมาอยู่ในฟอร์มที่สุดยอดอีกเลย
เฟร์นานโด ตอร์เรส
(https://static.siamsport.co.th/files/images/gettyimages-479419747-594x594.jpg)
ตอร์เรส เป็นอีกหนึ่งนักเตะขวัญใจแฟนบอลลิเวอร์พูล โดยเขายิงประตูเป็นกอบเป็นกำให้กับ "หงส์แดง" แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถนำต้นสังกัดคว้าแชมป์ใดๆ ได้เลย
"เอล นินโญ่" ต้องพบกับช่วงเวลาที่เลวร้ายเมื่อพลาดลงเล่นให้กับ "เดอะ เร้ดส์" ในช่วงปลายซีซั่น 2009/2010 หลังเข้ารับการผ่าตัด และจากนั้นเจ้าตัวก็ไม่กลับมาอยู่ในฟอร์มสุดยอดอีกเลย
แม้ฟอร์มจะไม่เปรี้ยงปร้างในซีซั่น 2010/2011 แต่ ดาวยิงชาวสแปนิช ก็ยังคงเป็นคีย์แมนของทีม กระนั้นในช่วงเดือนมกราคม 2011 ก็เกิดเหตุการณ์ฟ้าผ่าเข้ากลางอกสาวก "เดอะ ค็อป" เมื่อทีมยอมขายเขาให้กับ เชลซี ด้วยค่าตัว 50 ล้านปอนด์ (ราว 2,200 ล้านบาท)
ต้องบอกเลยว่าแม้เรื่องนี้จะเจ็บปวดกับแฟนบอลลิเวอร์พูล แต่ถือว่าสโมสรได้รับผลประโยชน์อย่างมาก เพราะหลังจากที่ ตอร์เรส ย้ายไปอยู่กับ "สิงห์บลูส์" เขาก็ไม่ได้อยู่ในช่วงท็อปฟอร์มอีกเลย แม้จะได้แชมป์แต่ก็ไม่ได้เป็นแข้งหลักของเชลซี แถมยิงไปแค่ 45 ลูกจาก 172 เกมในทุกรายการเท่านั้น
เอแด็น อาซาร์
(https://static.siamsport.co.th/files/images/gettyimages-1398337257-594x594.jpg)
แม้ เชลซี อาจจะเสียท่าทุ่มเงินมหาศาลไปกับ ตอร์เรส ในเวลานั้น แต่พวกเขาก็ยังสามารถแก้ตัวได้จากการขาย อาซาร์ ให้กับ เรอัล มาดริด ในปี 2019 หลังจากที่นักเตะช่วยต้นสังกัดคว้าแชมป์ ยูโรปา ลีก
นับตั้งแต่ที่ จอมทัพทีมชาติเบลเยียม ถอดเสื้อสีน้ำเงินทิ้งแล้วหันไปสวมชุดที่ขาวล้วน เขาก็ไม่เคยงัดฟอร์มขั้นเทพเหมือนสมัยที่โลดแล่นในถิ่นสแตมฟอร์ด บริจด์ ได้เลย
ดูเหมือนว่าเงินค่าตัวจำนวน 85 ล้านปอนด์ (ราว 3,740 ล้านบาท) ที่ "ราชันชุดขาว" ควักกระเป๋าจ่ายให้ "สิงห์บลูส์" มันไม่คุ้มค่าเอาซะเลย และสาวก "โลส บลังโกส" มองว่านี่คือหนึ่งในการเซ็นสัญญาที่ห่วยแตกที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์สโมสร
เหตุผลที่ทำให้ อาซาร์ งัดฟอร์มเทพออกมาไม่ได้ก็คือปัญหาบาดเจ็บเรื้อรัง โดยตลอด 3 ซีซั่นนักเตะได้ลงเล่นในลา ลีกา แค่ 48 เกมยิงไป 4 ประตู และซัดรวม 6 ลูกจาก 66 แมตช์ในทุกรายการ
นี่อาจจะเป็นการเซ็นสัญญาที่ย่ำแย่ของ เรอัล มาดริด แต่สำหรับ เชลซี ถือว่าคุ้มค่าและเหมาะสมที่สุดที่ขาย อาซาร์ ออกไป ไม่งั้นทีมคงต้องแบกภาระทั้งค่าเหนื่อย และค่ารักษาพยาบาล !!