(https://static.siamsport.co.th/column/2022/04/25/column202204250518748.jpg)
ก่อนลงสนามแมนฯซิตี้ นำห่างลิเวอร์พูล 4 แต้ม ขณะที่เอฟเวอร์ตัน ตกไปอยู่โซนตกชั้นหลังจากเบิร์นลีย์ ชนะวูล์ฟแฮมป์ตัน แล้วแซงขึ้นอันดับ 17
ความกดดันบังเกิดขึ้นอย่างมากมายทันที.....
ทั้งสองทีมนั่นแหละครับ เพราะ เอฟเวอร์ตัน ก็ย่อมไม่ยอมผิดพลาดอย่างน้อยหนึ่งแต้มก็ยังดี ขัดขวางลิเวอร์พูลได้ด้วย
แลมพ์ 4-5-1
(http://static.siamsport.co.th/files/images/gettyimages-1240208230-594x594.jpg)
เบน ก๊อดฟรีย์ เจ็บช่วงวอร์มก่อนแข่ง...ไมเคิล คีน ต้องลงตัวจริงแทน ยืนเซนเตอร์กับ
เมสัน โฮลเกต แบ๊กขวา เชมัส โคลแมน แบ๊กซ้าย มิโกเลนโก แดนกลางคุมโดย อัลลัน , ดูกูเรและ อีโวบี โดยมี แอนโธนีย์ กอร์ดอน กับ เดมาไร เกรย์ ด้านกว้าง หน้าเป้า ริชาลิซอน
เจเค เลือกเกอิตา, โชตา
(http://static.siamsport.co.th/files/images/gettyimages-1393380471-594x594.jpg)
ปรับสองตำแหน่ง แดนกลางใช้ เกอิต้า ส่วนข้างหน้า โชต้า ลงเล่นแต่เป็นปีกซ้าย ให้ มาเน ไปยืนหน้าเป้า ซึ่งมักจะถอนต่ำมาเล่นในบทบาทของ ฟีร์มีโน ส่วนตำแหน่งอื่นก็ตัวหลักไม่มีการโรเตชั่นเพื่อเกมยูฟา แชมเปี้ยนส์ ลีก
ทอฟฟี "รับลึกอย่างมีวินัย"
(http://static.siamsport.co.th/files/images/gettyimages-1393379497-594x594.jpg)
เหมือน4-3-3 จากตัวที่เลือกลงแต่เมื่อเล่นเกมไปแล้วยืน 4-5-1 แล้วตั้งรับในแดนตัวเอง มี ริชาลิซอน ยืนตัวบนต่ำกว่าวงกลมกลางสนามด้วยซ้ำ หาจังหวะลิเวอร์พูลส่งบอลพลาด หรือเดินเกมช้าจะเข้าหาเร็วบีบให้เสียบอล แบ๊กโฟร์ ของทอฟฟี ตั้งรับอย่างมีวินัยพร้อมแดนกลาง5 คน เป็นสองชั้น ยืนแน่นไม่มีพื้นที่ให้เล่น แบ๊กสองข้างไม่มีโอกาสขึ้นเพราะโดนสถานการณ์ 2-1 แล้วเข้าหาเร็วตั้งแต่ระยะ 35 หลา ที่ริมเส้น
เกมแพลนทอฟฟี "เน้นกวนใจ"
(http://static.siamsport.co.th/files/images/gettyimages-1393384937-594x594.jpg)
นอกจากนี้มีลูกจุกจิกกวนใจ พอเสียทุ่มเขี่ยบอลทิ้งไปไกลๆ , จอร์แดน พิคฟอร์ด ออกบอลช้าจากลูกตั้งเตะ โคลแมน ตามติด โชต้า แล้วมีลูกตุกติกแถม แต่ก็ว่าไม่ได้ บางคนโดยเฉพาะ ริชาลิซอน พอเจ็บก็นอนเอามือกุมหน้า หลังจากโหม่งบอลไป 10 วินาที โดยไม่ได้โดนใครปะทะ
ต้องเข้าใจ...มันคือส่วนหนึ่งของแทกติกเกมรับของทีมที่เป็นรอง
45 นาทีแรกแห่งความอึดอัด
(http://static.siamsport.co.th/files/images/gettyimages-1393391310-594x594.jpg)
กว่าที่เด็กหงส์จะได้สับไกยิงรอจนถึง20 นาที จากแถวสอง มาเน พลิกแล้วซัดข้ามคาน ขณะที่การเตะมุมนั้นครั้งแรก นาทีที่ 27 นอกนั้นทำอะไรไม่ได้ เข้าแดนสามทอฟฟี ที่ยืนรับสองชั้นไม่ได้ ด้านข้างขึ้นไม่ได้ พื้นที่เต็มหมด ที่ต้องทำคือผ่านบอลขวางสนามไปมาเพื่อถ่างกองหลังและเปิดช่องเข้าทำ แต่ก็ไม่มีให้เห็น
ขณะที่เมื่อมีจังหวะเจ็บนิดหน่อยก็นอนยาว ริชาลิซอน... แล้วก็นำมาซึ่งจังหวะชุลมุนวุ่นวาย กลายเป็นเสียเกม เพราะต้องหยุดมาแจกใบเหลือง เหมือนเกมนั้นเข้าทางเอฟเวอร์ตันที่ต้องการให้บอลออกมาทรงนี้
ไม่ต้องเล่น มีฟาวล์ แล้วหยุด ลิเวอร์พูลหมดสิทธิ์ทำเกมรุก
นั่นเองที่ มาเน หลงเหลี่ยมโดนใบเหลือง ดูภาพช้าโดนใบแดงได้เลยครับ
ส่วน ดูกูเร ตั้งใจเตะ ฟาบินโญ ยอมรับสภาพโดนใบเหลืองเพื่อทีม...มันคือใบเหลืองที่มีค่าในเกมที่ "ไร้ค่า" ของเอฟเวอร์ตัน
มันจึงเป็น45 นาทีแรกที่เด็กหงส์และแฟนหงส์ในสนาม "อึดอัด" เพราะทำเกมอะไรไม่ได้เลยของ "ลิเวอร์พูล"
ครึ่งหลัง...เด็กหงส์เร่งเกม
(http://static.siamsport.co.th/files/images/gettyimages-1393392623-594x594.jpg)
5 นาทีแรกของครึ่งหลังลิเวอร์พูลเดินเกมเร็วขึ้น และมีโอกาสโจมตีแดนสามได้ดีกว่าครึ่งแรก แต่ยังหาจังหวะจบไม่ได้ ขณะเดียวกันพอเสียบอลก็โดนสวนกลับมาทางฝั่ง กอร์ดอน ซึ่งใช้ความเร็วโจมตี ฝั่ง เทร้นต์ เรียกใบเหลืองและกดดันได้ดีทีเดียว จากนั้นคลอปป์ ให้เกมไหลไป 15 นาทีก่อนเปลี่ยนตัวสองคน
คลอปป์แก้เกม....ส่ง "เทพโอริกิ"
(http://static.siamsport.co.th/files/images/gettyimages-1393401252-594x594.jpg)
นาทีที่ 60 คลอปป์ ส่ง ดิอาส และ โอริกิ ลงมาแทน เกอิตา กับ มาเน ก็น่าสนใจในมุมที่ว่าที่ โอริกิ ลงสนาม ทั้งที่ คลอปป์ ไม่ใช้เขามานาน ลงสนามครั้งล่าสุดคือ 23 ก.พ. นัดถล่มลีดส์ 6-0 เป็นตัวสำรองเล่นไปห้านาทีเอง....
ท่านเทพลงสนามมาแค่สองนาทีลิเวอร์พูล ได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะประสานงานระหว่าง ซาลาห์ กับ โอริกิ ที่แปะบอลให้ ซาลาห์ ชิพ ไปเสาสอง ข้ามหัว โชต้า ถึง รอบโบ โขกเข้าไปอย่างยอดเยี่ยม 1-0 น.62
ดูการปรับแทกติกของ คลอปป์ ใช้ โอริกิ เล่นหน้าเป้า โชต้า ออกข้าง แล้ว ดิอาส เป็นตัวฟรีแดนกลาง เหมือนกลางรุกแต่เคลื่อนที่ไปได้หมดในแดนสาม....หลังจากนำเกมก็ดูครองบอลเยอะกว่า แต่ทอฟฟี ยังสามารถสวนกลับมาได้เรื่อยๆ สร้างความกดดันได้อยู่เหมือนกัน เพราะเด็กหงส์จะพลาดไม่ได้
ช่วงสิบนาทีสุดท้าย...เด็กหงส์ปิดจ๊อบ เมื่อส่ง เฮนโด ลงมาแทน โชต้าเพื่อคุมเกมให้นิ่ง แต่กลายเป็นทีมบุกต่อเนื่องมาได้ประตู จาก เฮนโด ครอสไปเสาสอง ดิอาส ลอยตัวตีลังกายิง บอลกระดอนพื้น เข้าหัว โอริกิ โหม่งเผาขน 2-0
เป็นชัยชนะที่ในแอนฟิลด์12 นัดรวด
(http://static.siamsport.co.th/files/images/gettyimages-1240211601-594x594.jpg)
ส่วน "เทพโอริกิ" ยิงประตูในดาร์บี้ แมตช์ ลูกที่ 6 มากกว่าทุกคน
ชัยชนะของลิเวอร์พูลในเกมที่อึดอัด45 นาทีแรก และเป็นเกมที่สองที่ยิงไม่เข้ากรอบเลยในครึ่งแรกต่อจากเกมที่เจอกับแมนฯซิตี้ แต่เป็นครึ่งหลังการแก้เกมของ คลอปป์ ที่ส่ง โอริกิ และ ดิอาส ตัวรุกลงมาเพราะทีมต้องการประตู โอริกิ มาค้ำเซนเตอร์ของ เอฟเวอร์ตัน เป็นหน้าเป้าธรรมชาติ ดิอาส คือตัวฟรีในแดนกลาง นั่นทำให้โซนรับทอฟฟี แตกกระจาย ก่อนโดนลงโทษลูกแรกและลูกสองในที่สุด
นั่นทำให้ลิเวอร์พูลไล่จี้แมนฯซิตี้เหลือหนึ่งคะแนน ต่อไป
แล้วจะมีเกมที่ได้เปรียบช่วงเวลานัดต่อไปลงสนามเยือนนิวคาสเซิล 18.30 น.
ก่อนที่ แมนฯซิตี จะเยือนลีดส์ ช่วงห้าทุ่มครึ่งวันที่ 30 เม.ย.
สัปดาห์หน้าก็จะเป็นโอกาสที่ลิเวอร์พูลกดดันซิตี ได้ก่อนอีกครั้ง